ไม่พบผลการค้นหา
กระทรวงสาธารณสุข เผยผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ชาวจีนที่โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก ผลทางห้องปฏิบัติการเป็นลบ ขอให้ประชาชนอย่าเชื่อข่าวลวง ขณะนี้ทุกด่านยังคงเฝ้าระวังต่อเนื่อง

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป พร้อมด้วย นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 ว่า ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง ซึ่งเป็นชายชาวจีนที่เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลแม่สอดด้วยอาการโรคระบบทางเดินหายใจนั้น ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 2 แห่งได้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด -19 ยังรักษาต่อตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤติจากมีโรคประจำตัวที่มีอยู่เดิม

ขณะนี้ ทุกด่าน ทั้งบก เรือ อากาศ ด่านธรรมชาติ ยังคงเข้มงวดการเฝ้าระวังคัดกรองผู้เดินทางอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันจำนวน 35 คน กลับบ้านได้แล้ว 21 คน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 14 คน โดยไทยได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับ 9 ของโลก 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ได้ขยายนิยามการเฝ้าระวัง ปรับเกณฑ์ พื้นที่เสี่ยง อาชีพเสี่ยง กลุ่มอาการปอดอักเสบในบุคลากรทางการแพทย์ ตามสถานการณ์มาโดยตลอด รวม 4 ครั้ง เพื่อให้ตรวจจับผู้อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ครอบคลุมคนไทยที่กลับจากประเทศระบาดของโรค และเพิ่มพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง 

ส่วนผู้ป่วยอาการหนักทั้ง 2 รายที่สถาบันบำราศนราดูร รายที่ 1 เป็น ผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยพยุงปอด อาการทรงตัวตอบสนองต่อการกระตุ้นได้ดี ส่วนรายที่ 2 ที่ติดเชื้อวัณโรคร่วมด้วย อาการทรงตัวยังคงต้องดูแลโดยคณะแพทย์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง

ตรวจแล็บได้ 13 ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์-รพ.ศูนย์-รพ.ประจำจังหวัด

ส่วนการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ขณะนี้สามารถตรวจได้ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 13 แห่ง ทั่วประเทศ และห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลประจำจังหวัดของรัฐ ส่วนกลางสามารถตรวจได้ที่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันบำราศนราดูร คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอให้ประชาชนมีอาการเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง มีไข้ ไอ มีน้ำมูก มีการทางระบบทางเดินหายใจ และมีประวัติเดินทางไปพื้นที่ระบาดของโรค ขอให้รีบพบแพทย์ทันที 

สำหรับการติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เชื้อจะอยู่ในละอองฝอยขนาดใหญ่จากการไอ จาม ของผู้ป่วย โดยเชื้ออาจหล่นติดอยู่ตามพื้นผิวสัมผัส เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มกดลิฟท์ ราวบันได โต๊ะ ยังไม่ติดต่อจากการฟุ้งกระจายในอากาศ ประชาชนสามารถป้องกันได้ด้วยการ ยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปในสถานที่แออัด  

ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ร่วมรับผิดชอบสังคมด้วยการไม่แพร่เชื้อ ทั้งนี้ คำแนะนำเมื่อประชาชนกลับมาจากพื้นที่ระบาดของโรคที่ขอให้เก็บตัวสังเกตอาการ เป็นเวลา 14 วัน เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้เดินทาง ครอบครัว และสังคม ขอประชาชนอย่าเชื่อ ข่าวลือ เขาเล่าว่า ที่ไม่รู้ต้นทางข่าวไม่มีข้อมูลความจริง คือ การเพิ่มภาระคนทำงานที่หนักอยู่แล้วให้หนักมากขึ้น ช่วยกันหยุดข่าวลือ หยุดส่งต่อข่าวเขาเล่าว่า รับฟังการแถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุขทุกวันเวลา 11.00 น.

สำหรับสถานการณ์ ถึงวันที่ 24 ก.พ. 2563 ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 14 ราย กลับบ้านแล้ว 21 ราย รวมสะสม 35 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. – 23 ก.พ. 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,453 ราย คัดกรองจากสนามบิน 68 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,385 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,121 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 332 ราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง