ไม่พบผลการค้นหา
ครม. มีมติเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในระยะที่ 2 ต่อ พร้อมเห็นชอบพ.ร.บ. การเดินอากาศ และ พ.ร.บ. การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ ประเมินอัตราเงินเฟ้อเท่าเดิม

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้หยิบยกประเด็นการต่อยอดมาตรการเพิ่มขีดความสามารถให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการในระยะที่ 2 ต่อ แม้โครงการในระยะแรกนั้นจะมีผู้เข้าร่วมน้อยกว่าที่คาดไว้ เพียง 2,600 ราย จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ราย

MY SME : ธุรกิจลูกกวาด...ออกแบบได้

โครงการนี้ในระยะแรกมีเป้าหมายในการให้ความรู้ผู้ประกอบการ SMEs เกี่ยวกับความเสี่ยงและผลกระทบที่มาจากการแลกเปลี่ยนเงินตราและออกคูปองเพื่อซื้อขายเงินตราต่างประเทศ วงเงิน 30,000 บาท อย่างไรก็ตาม ในการพัฒนาระยะที่สองนี้จะมีการเพิ่มเติมความรู้ด้านงานการเงิน (Financial Literacy) เข้ามาด้วย

โครงการในระยะที่ 2 นี้มีการปรับเปลี่ยนหลักการดำเนินการหลัก 2 ประการ คือ (1) เป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มียอดส่งออกหรือนำเข้าไม่เกิน 400 ล้านบาทต่อปีและเป็นสมาชิกของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำหรับผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมโครงการในระยะแรกนั้น เมื่อผ่านการอบรมและประเมินความเหมาะสม (Client Suitability) ก็มีสิทธิใช้วงเงินได้ (2) มูลค่าของคูปองเพิ่มขึ้นจาก 30,000 บาท เป็น 50,000 บาทต่อราย โดยไม่สามารถซื้อขายหรือนำไปเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 5,000 รายเช่นเดิม

เห็นชอบต่างชาติถือหุ้นเกินครึ่งในอุตสาหกรรมการเดินอากาศ

นายณัฐพร กล่าวถึงความต้องการของรัฐบาลที่อยากให้มีบริษัทที่มีความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเดินอากาศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ติดปัญหาด้านกฎหมายที่ไม่เอื้อให้ต่างชาติถือครองหุ้นมากกว่าร้อยละ 50 ครม. จึงเห็นชอบใน ร่าง พ.ร.บ. การเดินอากาศฉบับใหม่ ให้ต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของใหญ่ได้

ครม แถลง ตึกนารี
“เราอยากให้มีบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทยให้มากขึ้น แต่ที่ผ่านมาติดปัญหาเรื่อง บริษัทเหล่านี้ต้องการที่จะเป็นเจ้าของส่วนใหญ่ พ.ร.บ. เดินอากาศฉบับปัจจุบันมีข้อกำหนดว่าจะต้องมีคนไทยถือหุ้นใหญ่เท่านั้น ก็คือ 51% ขึ้นไป ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จึงเป็นการปลดล็อก” นายณัฐพร กล่าว

หนุน พ.ร.บ. เก็บซากผลิตภัณฑ์ เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ขณะเดียกวัน ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบให้บริษัทผู้ผลิตและผู้นำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องจัดตั้งศูนย์รับคืนซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือให้ผู้จัดจำหน่าย หรือผู้ใดเป็นผู้ดำเนินการแทนภายใต้การดูแลของผู้ผลิต หรือผู้ผลิตสามารถทำความตกลงร่วมมือกับองการณ์ปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการจัดตั้งศูนย์รับคือซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ผู้ผลิตและผู้นำเข้ายังต้องดูแลการจัดเก็บและการขนส่งซากผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าไม่สามารถผลักภาระให้ไปอยู่ที่ประชาชนได้

โดย ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้บังคับให้ต้องขอจัดตั้งเป็นศูนย์รับคืนซากผลิตภัณฑ์ภายใน 90 วันนับตั้งแต่วันที่มีประกาศใช้

คงอัตราเงินเฟ้อเท่าเดิม

ปิดท้ายมติ ครม. ด้านเศรษฐกิจที่เป้าหมายนโยบายการเงิน สำหรับปี 2562 นายณัฐพรกล่าวว่า ครม. เห็นชอบประเมินอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.5 บวกลบ ร้อยละ 1.5 เท่ากับของปีที่แล้ว