ทางการจีนประกาศเตือนภัยระดับสีแดง ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวรับมือกับพายุไต้ฝุ่นเลกีมา ซึ่งกำลังพัดถล่มไต้หวันด้วยความเร็วลมมากกว่า 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งมณฑลเจ้อเจียงของจีนในเช้าวันเสาร์นี้ (10 ส.ค.) แม้สำนักงานพยากรณ์อากาศของจีนจะระบุว่า ซูเปอร์ไต้ฝุ่นเลกีมาจะเป็นพายุที่มีกำลังรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014 แต่คาดว่า พายุจะอ่อนกำลังลงในช่วงเวลาที่พายุจะขึ้นฝั่งจีน
กระทรวงรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินของจีนได้ส่งทีมรับมือภัยฉุกเฉินไปประจำการอยู่ทั่วพื้นที่เสี่ยงประสบภัยรอบนี้ เพื่อไปแนะนำวิธีการบรรเทาภัยพิบัติ ขณะที่ประชาชนหลายพันคนบริเวณแนวชายฝั่งนครเซี่ยงไฮ้ก็ได้รับการแจ้งเตือนให้เตรียมตัวอพยพออกจากพื้นที่ อีกทั้งยังมีการเตือนภัยรับมืออุทกภัยบริเวณฝั่งตะวันออกของแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำหวง หรือ ฮวงโห ไปจนถึงวันที่ 14 ส.ค. ส่วนมณฑลเจียงซูและซานตงอยู่ในระดับเฝ้าระวังภัย
นอกจากนี้ เรือสำราญต่างๆ ได้รับการแจ้งเตือนให้เลื่อนกำหนดการขึ้นชายฝั่งนครเซี่ยงไฮ้ออกไป และจะมีการระงับการให้บริการรถไฟบางสายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ (10-11 ส.ค.) และปักกิ่งยกเลิกรถไฟที่มุ่งหน้าไปบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี
เลกีมา เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 9 ของปีนี้ และเพิ่งยกระดับขึ้นเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา และเคลื่อนที่เข้าถล่มทางตอนเหนือของไต้หวันในวันนี้ (9 ส.ค.) จนทำให้ไต้หวันต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 300 เที่ยว สั่งหยุดเรียนและหยุดงานในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ บ้านเรือนมากกว่า 40,000 หลังไฟฟ้าดับ ทางการสั่งหยุดให้บริการรถไฟความเร็วสูงในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมืองไถจง
พายุเลกีมาถล่มไต้หวันเพียง 1 วันหลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0 แมกนิจูดทางตะวันออกของไต้หวัน โดยผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่าอาจเกิดเหตุดินถล่ม จากแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากแผ่นดินไหวประกอบกับพายุไต้ฝุ่นส่งผลให้ฝนตกมากถึง 900 มิลลิเมตรลงบนภูเขาทางตอนเหนือของไต้หวัน
สำนักข่าวเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นยังรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นเลกีมาก็ทำให้เกิดฝนตกหนักและลมแรงในเมืองริวคิว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น บ้านเรืองประมาณ 14,000 หลังไฟฟ้าดับ
เลกีมา ยังเป็นหนึ่งในไต้ฝุ่น 2 ลูกในบริเวณตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนไต้ฝุ่นโครซาทำให้มีฝนตกหนักที่หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาและกวม ซึ่งกำลังจะเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ และอาจเข้าญี่ปุ่นสัปดาห์หน้า
ที่มา : BBC, South China Morning Post, CNN
