สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่าย ลอบวางระเบิดโจมตีรถโดยสารไม่ประจำทางของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมมหาพีระมิดแห่งกิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของอียิปต์ ค่ำวานนี้ (28 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถ่ินอียิปต์ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามเสียชีวิต 3 ราย รวมถึงมัคคุเทศก์ชาวอียิปต์อีก 1 ราย ขณะที่ผู้บาดเจ็บมีจำนวนนับสิบราย แต่ตัวเลขอาจปรับเปลี่ยนในภายหลัง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นวินาศกรรมร้ายแรงที่สุดในรอบปีที่เกิดขึ้นในสถานที่ท่องเที่ยวของอียิปต์ และคาดว่าจะยิ่งส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศอียิปต์หนักกว่าเดิม เนื่องจากการท่องเที่ยวที่เคยเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของระบบเศรษฐกิจอียิปต์ อยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดการลุกฮือเดินขบวนของประชาชนเพื่อขับไล่อดีตรัฐบาลเผด็จการของพลเอกฮอสนี มูบารัก เมื่อปี 2554 เป็นต้นมา
หลังจากนั้น อียิปต์จัดการเลือกตั้งและได้รัฐบาลพลเรือนชุดแรก นำโดยนายโมฮัมเหม็ด มอร์ซี แต่รัฐบาลชุดดังกล่าวถูกพลเอกอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิซี ก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไปเมื่อปี 2556 ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตรัฐบาลนายมอร์ซีไม่พอใจ จนเกิดการชุมนุมประท้วง รวมถึงการกวาดล้างจับกุมประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารอีกเป็นจำนวนมาก
สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่สงบในส่วนกลางของอียิปต์ เปิดช่องให้กลุ่มติดอาวุธไอเอสและกลุ่มที่มีแนวคิดรุนแรงอื่นๆ ซึ่งมีฐานที่มั่นในตะวันออกกลาง ฉวยโอกาสก่อเหตุรุนแรงในหลายพื้นที่ รวมถึงพุ่งเป้าโจมตีชาวคริสต์ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยในอียิปต์ รวมถึงโจมตีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง
ส่วนเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดที่เกิดกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเยือนอียิปต์ ได้แก่ กรณีคนร้ายลอบวางระเบิดเครื่องบินพาณิชย์ของรัสเซีย หลังบินออกจากเมืองชาร์ม-เอลชีค เมืองตากอากาศชายทะเลขึ้นชื่อของอียิปต์ ทำให้เครื่องตกกระแทกพื้น และนักท่องเที่ยว-ลูกเรือ เสียชีวิตทั้งหมด และเมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน 2 รายถูกคนร้ายแทงเสียชีวิตใกล้กับรีสอร์ตขึ้นชื่อไม่ไกลจากทะเลแดง
ส่วนเหตุระเบิดรถโดยสารนักท่องเที่ยวครั้งนี้ เป็นการฝังระเบิดแสวงเครื่องไว้ในกำแพงเก่าซึ่งทอดตัวเป็นแนวยาวตามถนนสายหลักของอียิปต์ และจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากมหาพีระมิดแห่งกีซ่าประมาณ 4 กิโลเมตร