ไม่พบผลการค้นหา
ชาวนิคารากัวจำนวนมาก ชุมนุมต่อเนื่องเพื่อคัดค้านแผนปฏิรูปประกันสังคมของรัฐบาล นำไปสู่การปะทะนองเลือด มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 10-25 ราย รวมถึงสื่อมวลชน

กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากปักหลักชุมนุมต่อเนื่องที่กรุงมานากัว เมืองหลวงของนิคารากัว ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 เม.ย. จนถึงช่วงค่ำวันเสาร์ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะไม่พอใจที่รัฐบาลประกาศแผนปฏิรูประบบประกันสังคมเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยแผนปฏิรูปเสนอให้เก็บเงินรายเดือนจากผู้ประกันตนและนายจ้างเพิ่มขึ้น แต่กลับลดเงินบำนาญชราภาพซึ่งจะมอบให้กับผู้ประกันตนหลังเกษียณ รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ต่างๆ

การชุมนุมเริ่มขึ้นอย่างสงบในช่วงแรก ก่อนจะทวีความรุนแรงและเกิดเหตุปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล ทั้งยังพบเบาะแสว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปราบปรามจลาจลอาจใช้อาวุธจริงยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้มีการตอบโต้ด้วยการเผายางรถยนต์-ทรัพย์สินสาธารณะ และปาระเบิดขวดใส่เจ้าหน้าที่

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายแอนเจล กาโฮนา ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ เอล นูเอโว เดียริโอ ถูกยิงเสียชีวิตขณะที่เขากำลังรายงานข่าวแบบถ่ายทอดสดผ่านเครือข่ายออนไลน์ 'เฟซบุ๊ก' เพื่อบรรยายเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมกำลังเผาตู้เอทีเอ็มบริเวณที่เกิดเหตุ

ประท้วงนิคารากัว

รอยเตอร์รายงานอ้างอิงสื่อท้องถิ่นซึ่งระบุว่ากาโฮนาถูกยิงล้มลงท่ามกลางผู้คนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ แต่ยังไม่อาจบอกได้ว่ากระสุนถูกยิงมาจากฝั่งผู้ประท้วงหรือฝั่งเจ้าหน้าที่ แต่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าขณะเกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายใช้อาวุธจริง

ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่ารัฐบาลนิคารากัวประกาศแผนปฏิรูประบบประกันสังคมเม่ื่อวันที่ 18 เม.ย. โดยนายเดเนียล ออร์เตกา ประธานาธิบดีนิคารากัว ยืนยันว่าการประกาศแผนดังกล่าวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบประกันสังคม แต่หลังจากเกิดเหตุประท้วงรุนแรง นายออร์เตกาจึงแถลงว่าพร้อมจะเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อไปสู่ข้อตกลงที่แต่ละฝ่ายสามารถยอมรับได้

ประท้วงนิคารากัว

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงและกำลังอาวุธกับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลนิคารากัวปรับเปลี่ยนท่าที งดใช้อาวุธจริง รวมถึงเคารพสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของประชาชน

แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 รายในการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.เป็นต้นมา ขณะที่นางโรซาริโอ มูรินโญ รองประธานาธิบดี และสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของนิคารากัว ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 10 รายเท่านั้น และก่อนหน้านี้เธอเรียกกลุ่มผู้ชุมนุมว่าเป็น 'ผีดิบกระหายเลือด' ซึ่งคิดว่าการใช้ความรุนแรงจะทำให้บรรลุผลทางการเมือง

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีออร์เตกา วัย 72 ปี ถูกสื่อตะวันตกและองค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกว่าเป็นผู้นำเผด็จการคนหนึ่งซึ่งครองอำนาจมากว่า 3 สมัย นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา