นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระุบว่า โฆษก กอ.รมน. แถลงข่าวถึงการปรับโอนหน้าที่ของ คสช. ให้กับ กอ.รมน. โดยมีการจัดโครงสร้างไว้รองรับแล้ว โดยตั้งแต่ปลายปี 2560 พลเอกประยุทธ์ได้ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 51/2560 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ขยายคำจำกัดความของการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรให้รวมถึงอาชญากรรมปกติที่เคยอยู่ในอำนาจของตำรวจ

ทั้งนี้ ตามคำสั่งดังกล่าว กอ.รมน. จังหวัด มีอำนาจสำคัญที่ซ่อนอยู่ในมาตรา 13/2 (7) คือมีอำนาจเชิญบุคคลมาให้ข้อมูลหรือจัดส่งข้อมูลพร้อมหลักฐานประกอบเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของคณะกรรมการ ซึ่งแท้ที่จริงคืออำนาจเรียกตัวบุคคลมาควบคุมตัวในรูปแบบของการมาให้ข้อมูลคล้ายกับอำนาจตามข้อ 6 ของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ให้อำนาจทหารสามารถเรียกบุคคลมาเพื่อสอบถามข้อมูลหรือให้ถ้อยคำ หากยังสอบถามไม่แล้วเสร็จสามารถควบคุมตัวบุคคลนั้นไว้ได้ไม่เกิน 7 วัน

"อำนาจในการสั่งให้บุคคลมาให้ข้อมูลหรือจัดส่งข้อมูลพร้อมหลักฐานประกอบนั้น ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ขัดต่อรัฐธรรมนูญเพราะเป็นการกระทำที่ละเมิดหรือกระทบสิทธิของบุคคลและเป็นการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่พนักงานสอบสวนและศาลเท่านั้นจะมีอำนาจออกคำสั่งให้บุคคลใดจัดส่งข้อมูลหรือเอกสารมาประกอบการพิจารณาได้ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจใครก็ได้สามารถเรียกเอกสารหลักฐานจากบุคคลอื่นนอกจากเผด็จการ" นายวัฒนา ระบุ

หากดูโครงสร้างของ กอ.รมน. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีหน่วยงานด้านกฎหมายและความมั่นคงซึ่งรวมถึงกองทัพบก เรือ อากาศ และ สตช. อยู่ภายใต้การกำกับเท่ากับว่าพลเอกประยุทธ์จะบริหารประเทศนี้โดยมีกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงไว้จัดการกับฝ่ายตรงข้ามต่อไปโดยเอาเรื่องความมั่นคงมาบังหน้า ทั้งที่งานที่กำหนดให้ กอ.รมน. ทำนั้นมีหน่วยงานปกติรับผิดชอบอยู่แล้ว

มีคนกล่าวว่าที่คนพวกนี้เหิมเกริมได้ขนาดนี้เพราะคนไทยไม่มีน้ำยา ถ้าใจเราได้ครึ่งของคนฮ่องกงรับรองเผด็จการไม่มีแผ่นดินอยู่นานแล้วครับ

ทั้งนี้ รายงานข่าวจากเว็บไซต์มติชน เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองในการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. กล่าวถึงการปรับโอนหน้าที่ของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช. ให้ กอ.รมน. โดยมีการจัดโครงสร้างไว้รองรับแล้ว และจะดำเนินการหลังจากรัฐบาลใหม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตน การทำงานของ คสช. จะยุติบทบาทลง

ส่วน กอ.รมน. จะเข้ามาดูในภาพรวมในประเด็นด้านความมั่นคงในทุกมิติที่ทำอยู่ และทำหน้าที่เป็นหน่วยงานบูรณาการ ประสานงานผ่านหน่วยงานของ กอ.รมน. ผ่านศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1-5 (ศปป.1-5) กอ.รมน. ภาค 1-4 และ กอ.รมน. จังหวัด

ประเด็นหลักๆ ที่จะบูรณาการและขับเคลื่อนของกระทรวงต่างๆ ร่วมกัน เช่น หนี้นอกระบบ การจัดระเบียบสังคม โดยใช้กฎหมายที่มีคือ พ.ร.บ. รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 และนำมาบูรณากรกับกระทรวงต่างๆ ที่มีกฎหมายกระทรวงรองรับอยู่แล้ว เข้าไปขับเคลื่อนดูแล แก้ปัญหา ลดความเดือดร้อนให้ประชาชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• ‘ประยุทธ์’ ชั่งใจแม่ทัพ พปชร. - ‘อภิรัชต์’ ปรามกิเลสมนุษย์ - ‘ประวิตร’ จุดพลิกบารมี
• 'ภาคประชาชน' ยื่นรายชื่อชงประธานสภาฯ 'ปลดอาวุธคสช.'