นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การตีความกฎหมายที่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย” โดยระบุว่ากรณีมีคนส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหารัฐมนตรี 8 คน ซึ่งมีตนรวมอยู่ด้วย ให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ในกรณีของตนนั้น แตกต่างกับอีก 7 คน กรณีของตนไม่ต้องตีความ เพราะมีการร้องว่าตนจะต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะมีกฎหมายระบุว่ารัฐมนตรีจะต้องไม่ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานรัฐ ซึ่งตนเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยมา 10 ปี แล้ว และปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ ซึ่งคนที่ร้องคงลืมว่า ในรัฐธรรมนูญมีมาตราหนึ่งที่ระบุว่าบรรดาข้อห้ามที่เขียนในรัฐธรรมนูญไม่ใช้บังคับกับรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ แต่บังคับใช้กับรัฐบาลถัดไป ดังนั้นกรณีของตนจึงจบไป
แต่กรณีอีก 7 คนถูกร้องเรียนว่าถือหุ้นกับบริษัทที่ได้สัมปทานกับรัฐ ซึ่งรัฐธรรมนูญเขียนว่ารัฐมนตรีจะถือหุ้นหรือมีหุ้นส่วนในบริษัทที่เป็นคู่สัมปทานกับรัฐทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ได้ รวมทั้งคู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หากมีจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งทั้ง 7 คนมีหุ้นจริง แต่มีหุ้นมาก่อนที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งก่อนเข้าดำรงตำแหน่งไม่ได้มีการขายหุ้นดังกล่าวออกไป
นายวิษณุ ระบุว่า ขณะที่ สนช.ที่ถือหุ้นสัมปทานก็มีเป็นร้อยคน แต่ยังไม่มีใครร้อง ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว กกต.พิจารณาหลายเดือน และมีข้อสรุปไม่นานมานี้แล้วว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม ซึ่งเป็นการตีความและวินิจฉัยว่าไม่ผิด โดย กกต.ให้เหตุผลว่าเรื่องดังกล่าวเคยวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา ศาลเคยตีความแล้วว่าไม่ผิด เพราะศาลเห็นว่าเรื่องใดที่รัฐธรรมนูญห้ามสำหรับการกระทำที่เกิดก่อนการมาดำรงตำแหน่ง พอมาดำรงตำแหน่งถึงยังมีต่อไปก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะมีมาก่อน ซึ่งหากรัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้มีก็จะมีการระบุชัดเจนว่าห้ามมีหุ้น ดังนั้นคนที่มาเป็นรัฐมนตรี มาเป็น ส.ส. หากมีหุ้นลักษณะนี้ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างไรก็ไม่ผิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง