กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเวลา 15.00 น. ตรวจวัดได้ระหว่าง 63-83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพบเกินเกณฑ์มาตรฐาน (50ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ในทุกสถานี 4 สถานี ได้แก่ บริเวณแขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง มีค่าฝุ่น 68 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร , ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน มีค่าฝุ่น 64 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์ , ริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี มีค่าฝุ่น 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์ และริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง มีค่าฝุ่น 63 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์
นางสุวรรณา เตียรถ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยกับ “วอยซ์ออนไลน์” ว่า สถานการณ์การค่าฝุ่นละอองขณะนี้ยังทรงตัว แม้ยังอยู่ในระดับเกินค่ามาตรฐานแต่ยังถือว่าต่ำกว่าช่วงวันที่ 22-23 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจากประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ที่พยากรณ์ว่า สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ มีอากาศเย็น กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ฝุ่นละอองในบรรยากาศเพิ่มขึ้น
"ปกติในเมืองใหญ่จะมีแหล่งกำเนิดมลพิษอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นละออง ก๊าซ ยานพาหนะ ประกอบกับสภาพอากาศที่เย็น ลมหนาวจากตะวันออกเฉียงเหนือ กับลมจากอ่าวไทย เมื่อมาปะทะกันทำให้ลมนิ่งสงบ ส่งผลให้การพัดระบายมลพิษที่กระจายตัวอยู่เป็นไปอย่างจำกัด จากปกติในกทม.ที่มีอาคารสูงจะมีปัญหาเรื่องการระบายมลพิษอยู่แล้ว" นางสุวรรณา กล่าว
ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษ ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังทุกภาคส่วน อาทิ กรุงเทพมหานคร กระทรวงอุตสาหกรรม ฯลฯ เพื่อขอความร่วมมือในการกำกับดูแลกิจกรรมต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละอองในพื้นที่ พร้อมกันนี้ยังมีการรายงานสถานการณ์ในทุกช่องทาง และแจ้งเตือนประชาชนกลุ่มเสี่ยง อาทิ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ระมัดระวังและควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกจากนอกอาคาร และหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีประชาชนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การค่าฝุ่นละออง เนื่องจากโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากสภาพอากาศดังกล่าว ร่างกายจะต้องได้รับเป็นเวลานานจึงจะเริ่มมีอาการ