ไม่พบผลการค้นหา
เวทีวิชาการปัญหาพนัน หวั่นฟุตบอลโลก 2018 ทำพนันบอลออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยปี 2560 คนไทยเล่นพนันเกือบ 29 ล้านคน พบเริ่มเล่นครั้งแรกอายุต่ำกว่า 6 ขวบ

ศูนย์ศึกษาปัญหาพนัน จับมือกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ศูนย์ข้อมูลนโยบายสาธารณะเพื่อลดปัญหาจากการพนัน มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จัดประชุมวิชาการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันปี 2561 "ชีวิตเสี่ยงพนัน...จะป้องกันเยาวชนอย่างไร?" พบว่ากลุ่มเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุ มีแนวโนมเกี่ยวข้องกับการพนันมากขึ้น ทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงกลุ่มอาชีพแรงงานด้วย และน่าห่วงคือเดือน มิ.ย. นี้จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จะทำให้การพนันฟุตบอลออนไลน์เพิ่มมากขึ้น 

สาเหตุที่ต้องปกป้องเด็กและเยาวชนเป็นพิเศษจากการพนัน เนื่องจากมีผลวิจัยระบุว่า เยาวชนท���่เริ่มพนันจากการพนันฟุตบอลมีแนวโน้มจะเล่นพนันต่อเนื่องไปเรื่อยๆ สูงถึง 82.6 เปอร์เซนต์ สูงกว่ากลุ่มที่เริ่มต้นจากการเล่นพนันประเภทอื่นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเป็นเยาวชนเพศชายที่เริ่มเล่นพนันจากการพนันฟุตบอล พบว่า 87.3 เปอร์เซนต์ เล่นพนันต่อเนื่อง

ทั้งนี้จากการสำรวจสถานการณ์การเล่นพนันของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ปี 2561 พบว่าเด็กเริ่มเล่นพนันครั้งแรกตอนอายุน้อยสุด 6 ขวบ ส่วนผลสำรวจประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป พบผู้เริ่มเล่นพนันครั้งแรกอายุต่ำสุด 7 ขวบ เหตุผลที่เริ่มคืออยากลองเล่นสนุกๆ พนันด้วยเงินเล็กน้อย และค่อยๆเพิ่มระดับขึ้น ทั้งวงเงินและความถี่ในการเล่น ถ้าไม่ได้เล่นพนันจะมีความรู้สึกกระสับกระส่ายเหมือนติดเหล้า ติดบุหรี่ ยิ่งผู้สูงอายุที่ติดพนันจะมีปัญหาตามมามากกว่าคนวัยอื่น 

จากสถานการณ์ดังกล่าว สสส. หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรภาคสังคม รวม 11 หน่วยงาน ได้ลงนามความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการป้องกันเด็กและเยาวชนจากการพนันฟุตบอลออนไลน์ในช่วงฟุตบอลโลก 2018 เพื่อหาแนวทางแก้ไข ซึ่งการจัดการประชุมวิชาการในครั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ นำไปสู่การออกแบบนโยบายและมาตรการกำกับดูแลธุรกิจการพนัน การป้องกันเด็กและเยาวชน รวมถึงผู้สูงอายุให้อยู่ห่างไกลจากการพนัน และผลักดันให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของปัญหา กำหนดให้การปกป้องเด็กและเยาวชนจากการพนันเป็นวาระแห่งชาติ และมีกลไกของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นเจ้าภาพหลักในการแก้ไขปัญหาการพนันอย่างจริงจัง

ด้าน รศ.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ร่วมกับ ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ สำรวจสถานการณ์ พฤติกรรม และผลกระทบการพนันในประเทศไทยเป็นประจำทุก 2 ปี โดยปี 2560 สำรวจจากประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปใน 25 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 15 ก.ย. - 12 ต.ค. 2560 รวม 7,008 ตัวอย่าง พบว่า คนไทย 75.2 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบ 40 ล้านคนเคยเล่นพนัน เกินครึ่งเริ่มเล่นพนันครั้งแรกตอนอายุไม่เกิน 20 ปี กลุ่มเริ่มเล่นพนันครั้งแรกอายุต่ำสุดที่ 7 ปี เริ่มจากเล่นพนัน 4 ประเภท คือ ไพ่ หวยใต้ดิน สลากกินแบ่งรัฐบาล และบิงโก โดยผู้เล่นพนัน 20 เปอร์เซ็นต์ มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพขณะเล่นพนัน คือ 12 เปอร์เซนต์ สูบบุหรี่ 8.2 เปอร์เซ็นต์ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ 7 เปอร์เซ็นต์ รับประทานของหวานหรือขนมขบเคี้ยว

ผู้เล่นพนันได้รับผลกระทบทางสุขภาพ 20.4 เปอร์เซ็นต์ หรือ 5.9 ล้านคน เช่น รู้สึกเครียด ขาดเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน มีปากเสียงทะเลาะกับคนในครอบครัว เสียเวลาทำงานหรือการเรียน เป็นหนี้ สุขภาพเสื่อมโทรม ฯลฯ และประมาณ 9 แสนกว่าคนมีหนี้สินที่เกิดจากการพนันรวมกันประมาณ 12,258 ล้านบาทคน หรือเฉลี่ยที่คนละ 13,188 บาท เมื่อให้ผู้เล่นพนันประเมินว่าตนเองติดพนันหรือไม่ พบว่า 16.1 เปอร์เซนต์ หรือประมาณ 4.66 ล้านคน ประเมินว่าตนเองติดการพนัน เพศชายมีสัดส่วนคนติดพนันมากกว่าเพศหญิง

แม้คนติดพนันส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 30-49 ปี แต่น่ากังวลที่มีเยาวชนอายุ 15-25 ปี ประมาณ 4 แสนกว่าคน และผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไปอีกเกือบ 7 แสนคน มองว่าตนเองติดพนัน สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าการพนันเป็นปัญหา ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสังคม จำเป็นต้องเร่งแก้ไขและหามาตรการป้องกัน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนและผู้สูงอายุ ไม่ให้เข้าสู่วงจรนักพนัน รวมถึงหามาตรการช่วยเหลือผู้ติดพนันในกลุ่มวัยต่างๆ เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบาย มาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดการปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับการพนันต่อไป

Photo by Michał Parzuchowski on Unsplash