Times Higher Education หน่วยงานจัดอันดับมหาวิทยาลัยประจำปี 2019 ระบุว่า ในปีนี้ 'มหาวิทยาลัยชิงหัว' ของจีนไต่อันดับขึ้นมาแซงหน้า 'มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS)' ขึ้นแท่นเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของเอเชีย และอยู่ในลำดับที่ 22 ของโลก แซงหน้า The London School of Economics and Political Science ของอังกฤษ และมหาวิทยาลัยนิวยอร์กของสหรัฐฯ
ขณะที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ที่ครองอันดับ 1 ของเอเชียเมื่อปีที่ผ่านมาตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 23 นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยจากเอเชีย 4 มหาวิทยาลัยที่ติด 1 ใน 50 แรกของการจัดลำดับในครั้งนี้ โดยมหาวิทยาลัยปักกิ่งจากจีนอยู่ในลำดับที่31 มหาวิทยาลัยฮ่องกงอยู่ในลำดับที่ 36 มหาวิทยาลัยโตเกียวอยู่ในลำดับที่ 42 และมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกงอยู่ในลำดับที่ 46
ฟิล บาตี้ บรรณาธิการบริหารของTimes Higher Educationกล่าวว่า 'การก้าวขึ้นมาของ 'มหาวิทยาลัยชิงหัว' ของจีนเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ' โดยฟิลชี้ให้เห็นว่า 'ภูมิภาคเอเชียตะวันออกต่างลงทุนกับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยมากขึ้นและมีการสร้างความร่วมมมือในระดับนานาชาติที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้มหาวิทยาลัยในเอเชียหลายแห่งยังกระตือรือร้นในการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพทางการแข่งขันในระดับโลก ขณะที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรต่างๆยังคงรักษาเสถียรภาพของตนเองไว้ไม่ให้ตกอันดับเท่านั้น และอีก 10 ปีข้างหน้า มหาวิทยาลัยของสิงคโปร์และจีนอาจจะก้าวขึ้นมาอยู่ในลำดับ 10 แรกของการจัดอันดับก็เป็นไปได้'
ทั้งนี้ในการจัดอันดับปีนี้ของ Times Higher Education มหาวิทยาลัยของไทยไม่ติดอันดับ 500 มหาวิทยาลัยแรกที่มีคะแนนสูงสุด โดยมหาวิทยาลัยไทยที่ได้รับคะแนนสูงสุด คือ มหาวิทยาลัยมหิดลที่มีคะแนนอยู่ในช่วงลำดับที่ 600- 800 ขณะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีคะแนนอยู่ในช่วงลำดับที่ 801 - 1,000
การจัดอันดับดังกล่าวทางผู้จัดเก็บสถิตตัวชี้วัดกว่า 13 รายการทั้งการสอน งานวิจัย ความร่วมมือในเวทีนานาชาติ รวมไปถึงการอ้างอิงผลงานวิจัยและการจัดการทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย โดยในปีนี้มีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมากกว่า 1,250แห่งจาก 83 ประเทศทั่วโลก
สำหรับมหาวิทยาลัยที่ครองแชมป์อันดับ 1 ของการจัดอันดับนี้ได้แก่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ตามมาด้วยมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐฯ
ที่มา THE