ไม่พบผลการค้นหา
ฮิวแมนไรท์วอทช์ (HRW) เรียกร้องอัยการทหารไทยถอนฟ้อง 'สุลักษณ์ ศิวรักษ์' หลังถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในการวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์

ฮิวแมนไรท์วอทช์ (HRW) เรียกร้องให้อัยการทหารไทยถอนฟ้องข้อกล่าวหาต่อ 'ส.ศิวรักษ์' นักวิชาการคนสำคัญของไทย ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์การทำยุทธหัตถีเมื่อศตวรรษที่ 16 โดยในวันพรุ่งนี้ (7 ธ.ค.) อัยการทหารจะแจ้งผลการพิจารณาว่าจะมีการสั่งฟ้องนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ อายุ 85 ปี ฐานละเมิดมาตรา 112 ว่าด้วยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปีหรือไม่

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาลทหารได้แจ้งความดำเนินคดีต่อนายสุลักษณ์ โดยเป็นผลมาจากการอภิปรายของเขาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2557 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่กรุงเทพฯ นายสุลักษณ์ตั้งคำถามกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ในสงครามยุทธหัตถีในศตวรรษที่ 16 ระหว่างพระนเรศวรกับพระมหาอุปราชา ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นวันกองทัพไทยที่มีการจัดงานรำลึกทุกปี มีรายงานว่านายสุลักษณ์กล่าวในที่สัมมนาว่า “อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายเกินไป ไม่เช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อการโฆษณาชวนเชื่อ”

นายแบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวการนำกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาใช้อย่างมิชอบของรัฐบาลทหาร ได้รุนแรงถึงขั้นที่เป็นความเหลวไหล เมื่อนักวิชาการคนสำคัญถูกดำเนินคดีอาญา เนื่องจากการตั้งคำถามต่อสงครามมยุทธหัตถีซึ่งเกิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 16 พร้อมกับย้ำว่าเสรีภาพทางวิชาการและเสรีภาพในการแสดงความเห็นในประเทศไทย จะได้รับผลกระทบใหญ่หลวง หากมีการไต่สวนคดีต่อนายสุลักษณ์เกิดขึ้นจริง และเรียกร้องให้อัยการทหารถอนฟ้องนายสุลักษณ์ เพื่อไม่ให้กระทบต่อชื่อเสียงเกียรติภูมิของไทย

มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาระบุว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี

ฮิวแทนไรท์วอทช์ตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีเนื้อความใดในกฎหมายบ่งบอกว่ามาตรานี้ครอบคลุมถึงบุคคลอื่น ๆ อย่างพระมหากษัตริย์ในอดีตหรือคำอธิบายทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับรัชกาลในอดีต แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทางการไทยได้ตีความกฎหมายนี้อย่างกว้างขวางมากขึ้น

ส ศิวรักษ์_AP (2).jpg

ในเดือนพฤษภาคม 2556 ศาลฎีกาพิพากษาว่า นายณัชชากฤต จึงเรืองฤทธิ์มีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเนื่องจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งครองราชระหว่างปี 2394 ถึง 2411 โดยศาลให้ความเห็นว่าการหมิ่นประมาทอดีตพระมหากษัตริย์ก็ย่อมกระทบถึงพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันที่ยังคงครองราชย์อยู่

ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่านับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ในประเทศไทย มีบุคคลอย่างน้อย 105 คนที่ถูกจับกุมในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการโพสต์หรือแชร์ความเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ศาลทหารได้กำหนดโทษรุนแรงขึ้นต่อความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อเทียบกับศาลพลเรือนในช่วงก่อนที่จะเกิดรัฐประหาร จำเลยบางส่วนถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกกำหนดโทษจำคุกหลายสิบปี ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนสิงหาคม 2558 ศาลทหารกรุงเทพลงโทษจำคุกนายพงษ์ศักดิ์ ศรีบุญเพ็ง เป็นเวลา 60 ปี เนื่องจากการโพสต์ความเห็นหลายชิ้นในเฟซบุ๊ก ซึ่งศาลมองว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยนับเป็นโทษจำคุกสูงสุดในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย แต่ตามมาตรฐานการกำหนดโทษของไทย ศาลได้ลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ 30 ปีเมื่อนายพงษ์ศักดิ์รับสารภาพความผิดตามข้อกล่าวหา

รัฐบาลทหารยังเพิ่มความเข้มงวดต่อการแสดงความเห็นอย่างเสรี โดยอ้างความจำเป็นที่จะต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่าแม้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ จะให้สัญญาหลายครั้ง รวมทั้งในที่ประชุมของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญและเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานตามที่กำหนดไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) แตก็ไม่ได้ทำตามสัญญา

แฟรงค์ ลา รู (Frank La Rue) ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงออกกล่าวไว้ในเดือนตุลาคม 2554 ว่าการข่มขู่โดยการกำหนดโทษจำคุกเป็นเวลานาน และความคลุมเครือเกี่ยวกับการวินิจฉัยว่าคำพูดแบบใดจะถือเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ กระตุ้นให้เกิดการเซ็นเซอร์ตัวเองและปิดกั้นการอภิปรายโต้เถียงที่สำคัญในประเด็นที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงความเห็นและแสดงออก

ส ศิวรักษ์_AP (3).jpg