ศาลปกครองสูงสุดออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีหมายเลขดำที่ อส.77/2559 ระหว่างนายโคอิ หรือ คออี้ มีมิ และพวก 6 คน ชาวไทยพื้นเมืองดั้งเดิมเชื้อสายกระเหรี่ยง (ปกาเกอะญอ) กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวกรวม 2 คน กรณีเผาทำลายทรัพย์สินยุ้งฉางผู้ฟ้องทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นการปฏิบัติการตามโครงการขยายผลการอพยพผลักดันหรือจับกุมชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตามแนวชายแดนไทย – สหภาพเมียนมาร์ ที่มีชื่อเรียกว่า ยุทธการตะนาวศรี ในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2554
โดยตุลาการผู้แถลงคดี เห็นว่า แม้ว่าผู้ฟ้องจะอ้างว่างบรรพบุรุษตั้งถิ่นฐานมาช้านาน แต่ไม่มีเอกสารยืนยันได้ว่าครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวมาก่อนประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ เมื่อปี 2524 จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามติ ครม. เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2553 ทำให้ผู้ฟ้องทั้งหกคนไม่มีสิทธิในพื้นที่ตามที่อ้าง ส่วนการดำเนินการรื้อถอนและเผาทำลายทรัพย์สิน เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายของ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 จึงเห็นควรที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนคนละ 10,000 บาท
ทั้งนี้คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อปี 2554 เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เดินทางไปยังบ้านของผู้ฟ้อง และหัวหน้ากรมอุทยานฯแก่งกระจาน ได้สั่งให้ผู้ฟ้องออกจากบ้าน โดยไม่มีลายลักษณ์อักษร ก่อนทำการจุดไฟเผาทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของผู้ฟ้อง ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลปกครองชั้นต้นเคยมีคำพิพากษาว่าการเผาทำลายทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่เป็นการละเมิดโดยใช้อำนาจกฎหมาย
ภาพ: ปิยศักดิ์ อู่ทรัพย์/Transbordernews