“เทพไท เสนพงศ์” โลดแล่นบนเส้นทางการเมืองระดับชาติมาตั้งแต่ปี 2548 ในฐานะ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ไม่เคยแพ้การเลือกตั้ง แม้แต่ครั้งเดียว
บนเส้นทาง ส.ส.เกือบ 20 ปี มีจุดพีคตอนที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2551 โดย เทพไท ได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำตัว “อภิสิทธิ์” และต่อมาจึงได้จัดรายการสายล่อฟ้า ร่วมกับ ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต และ ศิริโชค โสภา โชว์ความสามารถนักการเมืองฝีปากกล้า โต้การเมืองไม่เว้นแต่ละวัน
27 ม.ค.2564 ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ เทพไท พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ภายหลังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช พิพากษาจำคุก เทพไทและ มาโนช เสนพงศ์ น้องชาย คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ฐานความผิดทุจริตเลือกตั้งนายกฯ อบจ. ปิดฉากบทบาท ส.ส.ของ เทพไท เสนพงศ์
'วอยซ์' สัมภาษณ์พิเศษ 'เทพไท เสนพงศ์' ในวันที่มีสถานะเป็นผู้แทนนอกสภาฯ
จุดเริ่มต้นของผม คือผมมาเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง แค่ปี 2 ผมก็ได้เป็นนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เคลื่อนไหวในฐานะองค์การนักศึกษา และได้เคลื่อนไหวในนามองค์การนักศึกษา 20 สถาบัน จนไปสู่สหพันธ์นักศึกษานานาชาติ กระทั่งเมื่อจบมา ได้ไปเป็นเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านชํานิ ศักดิเศรษฐ์
คือผมสนใจงานการเมืองตั้งแต่เด็ก เพราะเห็นว่าบทบาทของนักการเมืองนั้น สามารถช่วยเหลือประชาชนได้จริงๆ อย่างผมเป็นลูกชาวนา ถ้าไปช่วยคนอื่นเขา ก็คงจะยากอยู่ แต่ถ้าได้เป็นนักการเมือง ก็จะช่วยเหลือคนอื่นได้มากกว่า สามารถเป็นปากเสียงให้กับประชาชนได้
หลายคนบอกว่าผมเป็นนักการเมืองที่ครบเครื่อง คือผมปราศรัยได้ เป็นศิลปินร้องเพลง ร้องเพลงหนังตะลุง มโนราห์ รำหน้ารถแห่ได้ ทอล์กโชว์เข้าถึงชาวบ้าน มีส่วนร่วมกับประชาชนเป็นอย่างดี ทั้งหมดครบเครื่อง
ส่วนที่ชนะการเลือกตั้งมาโดยตลอด น่าจะเป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ ในภาคใต้ใครที่ได้ลงสมัครในนามของพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะถือว่าได้เปรียบคนอื่นอยู่แล้ว เพราะพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นพรรคการเมืองของคนภาคใต้มาเป็นเวลายาวนาน คนภาคใต้รู้สึกว่าเป็นพรรคการเมืองของตัวเอง ประการต่อมาคือ ตัวเราเองเป็นนักการเมือง ตัวต้องเป็นเหมือนซุปเปอร์สตาร์ ต้องให้ประชาชนศรัทธา คลั่งไคล้ ชอบ นิยม จับต้องได้ สัมผัสได้
สมัยก่อนก็จะมีเรื่องของการสร้างถนนหนทาง ส่วนเรื่องสินค้าการเกษตรโดยเฉพาะยางพารา ในยุคของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เราถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง และเป็นประวัติศาสตร์ของการเกษตร เพราะคุณอภิสิทธิ์ ทำให้ยางพาราสูงถึงกิโลกรัมละ 180 บาทถึง 200 บาท เชื่อว่าไม่มีแล้วในประวัติศาสตร์นี้
ในยุคปัจจุบัน ผลงานที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดสำหรับผมคือ การปลดล็อคใบกระท่อมได้ ซึ่งเรื่องนี้คนใต้ต่อสู้กันมาเกือบ 100 ปี มีการพยายามแก้ไขกฎหมายหลายยุคหลายสมัย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่รอบนี้เมื่อเข้ามา ผมได้เป็นกรรมาธิการ เป็นอนุกรรมาธิการ เสนอกฎหมายกระทั่งประสบความสำเร็จ นั่นคือสิ่งที่ผมภูมิใจ
ความรู้สึกเมื่อศาลสั่ง พ้น ส.ส.เป็นอย่างไร
จริงๆ ผมทำใจมาก่อนแล้ว ว่าน่าจะมีเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้เราต้องหลุดจากการเป็น ส.ส.เมื่อผมทำใจได้ ผมก็คิดว่าตัวเองได้ทำดีที่สุดแล้ว อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต จึงรู้สึกเฉยๆ มาก วันที่ศาลอ่านคำวินิจฉัย ผมก็กลับมาที่พรรคประชาธิปัตย์ด้วยใจที่เบิกบาน ไม่มีความเศร้าสร้อยอะไรเลย เพราะเราภูมิใจที่ได้ทำมาจนถึงทุกวันนี้
แล้วแต่จะมอง แต่ผมยืนอยู่บนจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ความเคลื่อนไหวหรือการแสดงความเห็นทางการเมืองของผม ได้ใช้อุดมการณ์ของพรรคเป็นหลัก เพราะถ้าเราไม่ยึดอุดมการณ์ของพรรค เราก็ไม่สามารถตอบคำถามของสังคมได้ เพราะฉะนั้น ถ้าจะเห็นว่าผม แสดงความเห็นที่สวนทางกับหลายๆคน ในหลายประเด็น อย่างเช่น เรื่องเกี่ยวกับรัฐประหาร ญัตติเรื่อง ม.44 ที่ผมโหวตสวน
อย่างญัตติเรื่องรัฐประหารมันสอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคข้อ 4 อยู่แล้ว ว่าประชาธิปัตย์ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ ฉะนั้นมาตรา 44 มันเป็นผลผลิตของ คสช. ของเผด็จการ การมีญัตติต้านรัฐประหาร แน่นอนที่สุด ว่านี่คือต่อต้านเผด็จการ เพราะฉะนั้นที่ผมโหวตเรื่องนี้ เพราะผมหลังพิงอุดมการณ์ของพรรค ใครจะมาบอกว่าทำไมผมไม่คิดเหมือนคนอื่นหรือเหมือนรัฐบาล
ผมไม่สามารถทรยศต่ออุดมการของพรรคได้ ถ้าผมไม่ศรัทธาต่ออุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็จำเป็นต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าใครจะมาด่าผม ผมก็ต้องถามกลับว่าคนที่ละเมิดอุดมการณ์ของพรรคนั้นเป็นอย่างไร แต่ผมที่เทิดทูนอุดมการณ์ของพรรค พรรคควรจะปูนบําเหน็จเทิดทูนผมด้วยซ้ำไป
ผมว่าการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องดูความถูกต้องด้วย อะไรที่เห็นว่าร่วมแล้ว ไม่ถูกต้องขัดต่ออุดมการณ์ของพรรค เราก็สามารถท้วงติงได้ ซึ่งผมคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลก็ยอม
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมเป็นคนแรกที่จุดประกายเรื่องนี้ หลายคนบอกว่าถ้าไม่มีเทพไท รัฐธรรมนูญก็อาจจะไม่ถูกแก้ เพราะเมื่อฝ่ายค้านจะยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้รับการสนับสนุน ผมจึงเสนอว่าต้องสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว โดยการยื่นญัตติเข้าไปด้วย เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
สิ่งที่ผมเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ เรื่องการเข้าสู่อำนาจของนายกรัฐมนตรี และ รัฐบาล ผมคิดว่ามันคือหัวใจ เช่น การตั้ง ส.ว. 250 คน แล้วก็ให้ ส.ว.มาโหวตนายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าอันนี้ขัดกับหลักประชาธิปไตย
สองวิธีการการเลือกตั้ง ใช้บัตรใบเดียวผมก็ไม่เห็นด้วย เพราะผมต้องการให้ใช้บัตร 2 ใบ
รวมถึงหลักสิทธิของมนุษยชนที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ด้อยกว่ารัฐธรรมนูญปี 2550
และผมเห็นด้วยกับการมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จากการเลือกตั้งของคนทั้งประเทศ ถ้า ส.ส.ร.เห็นอย่างไรกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมก็เห็นอย่างนั้น เพราะถือว่าเป็นฉันทามติจากประชาชน
ผมคิดว่าจริงๆ ความขัดแย้งที่เป็นประเด็นทางการเมืองของสังคมตอนนี้ คือ รัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลไม่เห็นความสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมเชื่อว่าความขัดแย้งทางสังคมจะไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้น รัฐบาลต้องเปิดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเสรี ลดความขัดแย้ง ซึ่งรัฐบาลควรจะทำตั้งแต่ต้นก่อนที่นักศึกษาจะออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียอีก
ผมคิดว่า ถ้าไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แน่นอนที่สุดการเมืองภาคประชาชน การเมืองท้องถนนจะตามมา จะมาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง แน่นอนที่สุด มันชัดมาก ปรากฏการณ์ของรัฐธรรมนูญปี 60 มันชัดว่ามันมีข้อบกพร่องเยอะ และมันไม่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ มันเป็นการสืบทอดอำนาจจริงๆ
ฉะนั้น คนที่เขาอยากจะเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ที่เขาไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญปี 60 เขาจะออมาตามท้องถนน แล้วในขณะเดียวกัน คนที่สนับสนุนรัฐธรรมนูญ 60 โดยอ้างว่ามาจากประชามติ คนเหล่านี้ก็จะออกมาอีก แน่นอนที่สุด หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการปะทะกัน ม็อบชนม็อบเกิดขึ้น ความวุ่นวายเกิดขึ้นแน่นอนในบ้านเมืองครับ
ส.ว.ส่วนหนึ่งเห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่ ส.ว.ส่วนหนึ่ง 80 -90 คน เห็นตามที่ประชาชนเรียกร้องก็คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่มีปัญหา
แต่ขณะเดียวกัน การทำหน้าที่ของ ส.ว.ก็ทำให้ชาวบ้านคิดว่าเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนจะมีความหมายอย่างไร เช่น การที่ ส.ว.ไปจับมือพรรคพลังประชารัฐ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ทั้งที่ ส.ส.ส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วย
ผมเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เหนือความขัดแย้งของ ส.ส. โดยจะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับ ส.ส.เลย จะพยายามลอยตัวอยู่เหนือการเมือง ดังนั้น คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ยึดติดกับพรรคพลังประชารัฐ
เห็นเป็นอื่นไปไม่ได้ เพราะยิ่งยื้อออกไปได้มากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับการยึดอำนาจออกไปมากเท่านั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้ คสช.ได้เปรียบ ซึ่งโดยหลักธรรมชาติคนที่ได้เปรียบ ก็จะไม่ยอมเสียเปรียบหรือไม่ยอมเสียอำนาจ การยื้อออกไปได้มากเท่าไหร่ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากเท่านั้น ทั้งที่เรื่องนี้รัฐบาลควรปล่อยให้เป็นไปตามการทำหน้าที่ของ ส.ส.
ประชาธิปัตย์ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นพรรคใหญ่ตลอด หรือพรรคเล็กตลอด เราก็เป็นมากน้อยก็ตามสถานการณ์ทางการเมือง ในบางยุคเราก็ได้เยอะ ในบางยุคเราก็ได้น้อย แล้วแต่สถานการณ์ทางการเมือง ช่วงที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์กำลังเสนอทางเลือกใหม่ ว่าเมื่อคุณไม่เอาระบอบทักษิณ คุณไม่เอาระบอบ คสช.ที่ต่ออำนาจ คุณก็มาเลือกประชาธิปัตย์ที่เราออกแนวกลางๆ แต่ว่าเมื่อสุดท้ายประชาชนเขาตัดสินใจ เขาไม่เลือกแนวกลาง เขาไม่เลือกแนวประชาธิปัตย์ เขาไปเลือกอีกแนวหนึ่ง อันนี้ เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจประชาชน
112 ผมเห็นต่างกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ ผมเห็นว่ามันเป็นกฎหมายอาญาธรรมดา หากเราระมัดระวังในการเคลื่อนไหว มาตรา 112 ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเราได้ มาตรา 112 อยู่ที่คนใช้ด้วย ถ้าจะใช้กฎหมายนี้เพื่อปิดปากประชาชนก็จะเป็นผลเสีย แต่ถ้าใช้แบบปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเหมือนกฏหมายอาญาทั่วไป หรือกฎหมายหมิ่นประมาททั่วไป ก็จะไม่เป็นปัญหา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง