ไม่พบผลการค้นหา
จากวัสดุไร้ค่า ร่วงหล่นตามพื้นแทบไม่มีใครนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ สู่การคิดค้นภาชนะรักษ์โลก 'กาบหมาก' สร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนชาวตำบลสูงเนินอย่างยั่งยืน

กระแสรักษ์โลกและรักสุขภาพ เป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ อย่างมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบต่าง ๆ ค้นหาวัสดุเพื่อนำมาผลิตผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะวัสดุที่มาจากธรรมชาติซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นั้นของผู้บริโภค

'กาบหมาก' เป็นอีกหนึ่งวัสดุธรรมชาติ ที่ผู้ประกอบการอย่างบริษัท ภิญโญวานิช จำกัด เจ้าของแบรนด์ "วีรษา"(Veerasa)" ได้นำมาใช้ผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหารทดแทนการใช้พลาสติก นอกจากกาบหมากจะไร้สารตกค้างแล้ว ยังมีสีสันที่เป็นอักลักษณ์เฉพาะตัวและมีกลิ่นหอม ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าสนใจมากขึ้น ที่สำคัญสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แถมยังใช้กับเตาไมโครเวฟและเตาอบได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย

000740333.jpg

"สุมาลี ภิญโญ" เจ้าของกิจการบริษัท ภิญโญวานิช จำกัด เจ้าของแบรนด์ "วีรษา"(Veerasa) บอกกับวอยซ์ ออนไลน์ว่า จุดเริ่มต้นธุรกิจนี้มาจากความห่วงใยสิ่งแวดล้อมและความกังวลใจในการใช้ "โฟม" เป็นภาชนะบรรจุอาหาร จะเห็นได้จากงานประเพณีต่างๆ อย่างเช่น ประเพณีท้องถิ่น "กินข้าวค่ำ" ของอำเภอสูงเนิน จ.นครราชสีมา ที่หลังจบงานทุกๆ ปีมักมีขยะที่มาจากพลาสติกจำนวนมากและย่อยสลายได้ยากกองมหึมา สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม จึงเกิดไอเดียผลิตภาชนะบรรจุอาหารที่ทำจากธรรมชาติ 100% ที่มีความแข็งแรง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

10.jpg

สุมาลี ภิญโญ (ซ้าย)ผู้ก่อตั้งธุรกิจแบรนด์"วีรษา"(Veerasa) , ปาณิศา คุ้มไข่น้ำ (กลาง) และเนาวรัตน์ ภิญโญ (ขวา) ผู้ดูแลธุรกิจ

จึงเริ่มมองหาวัสดุจากธรรมชาติในพื้นที่ ซึ่งขณะนั้นคนอำเภอสูงเนินนิยมปลูกต้นหมาก ส่วนใหญ่มักเลือกเก็บลูกหมากไปขาย ส่วนกาบหมากที่ร่วงหล่นพื้นไม่มีใครนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงลองเก็บมาทดลองทำภาชนะ โดยให้สามีซึ่งเป็นทหารช่างคิดค้นเครื่องจักรขึ้นรูปภาชนะ จนสามารถทำสำเร็จและลองไปใช้ในงานประเพณี และเริ่มมีผู้สนใจเข้ามาสั่งซื้อจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของการเริ่มต้นทำธุรกิจจริงจัง

S__9732122.jpg

ปาณิศา คุ้มไข่น้ำ หนึ่งในผู้ดูแลธุรกิจแบรนด์ "วีรษา"(Veerasa) เล่าว่า เดิมกาบหมากพอหล่นจากต้นจะถูกนำไปกองรวมกันเพื่อเผาทิ้ง แต่ตอนนี้เรารับซื้อกาบหมากจากชาวสวน ช่วยเพิ่มรายได้ให้เขา นอกจากนี้ยังมีแผนที่อยากผลักดันให้ต้นหมากเป็นพืชเศรษฐกิจ เพราะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน

S__9732118.jpg

"เดิมการปลูกหมากเป็นอาชีพหลักของชาวอำเภอสูงเนิน แต่ระยะหลังคนเปลี่ยนอาชีพหันมาเป็นพ่อค้าแม่ค้า แต่ตอนนี้คนอยากกลับมาปลูกกันอีกครั้ง เพราะหมากเป็นที่ต้องการของตลาด ออกผลผลิตทั้งปี อย่างราคาหมากแห้งเคยขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 300 บาท เราจึงอยากผลักดันให้คนในชุมชนหันมาปลูกหมากเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาวให้กับชุมชนและท้องถิ่น นอกจากเราจะรับซื้อกาบหมากแล้ว เรายังเพาะต้นกล้าส่งเสริมให้คนนำไปปลูกด้วย"

S__9732119.jpg

สำหรับกระบวนการผลิตในปัจจุบันยังคงพึ่งพาแรงงานจากคนในชุมชน ตั้งแต่ขั้นตอนนำกาบหมากมาล้างทำความสะอาด นำไปผึ่งให้แห้ง แล้วนำมาตัดด้วยเครื่องให้ได้ขนาดที่ต้องการ ซึ่งกาบหมาก 1 ใบ นำมาทำภาชนะได้ 2 ชิ้น จากนั้นนำมาขึ้นรูปโดยเครื่องจักร ก่อนนำมาตัดขอบส่วนเกินให้เรียบร้อย แล้วนำไปแพคบรรจุลงหีบห่อ

S__9732125.jpg

จุดเด่นนอกจากจากจะปราศจากสารเคมีและการฟอกสี 100% แล้ว ยังมีน้ำหนักเบา ไม่แตกหักง่าย สามารถใช้กับเตาไมโครเวฟและเตาอบได้อย่างปลอดภัย ทนความเย็นและร้อน ตั้งแต่-18องศาเซลเซียสถึง 200 องศาเซลเซียส บรรจุของเหลวได้ มีลวดลาย สีสัน และกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญสามารถย่อยสลายได้ตามกระบวนการทางธรรมชาติเพียง 45 วัน

S__9740335.jpg

ด้วยคุณภาพและความแตกต่าง ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์แบรนด์ "วีรษา"ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทำให้กำลังการผลิตที่ 50,000-60,000 ชิ้นต่อเดือนไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงต้องวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตและขยายโรงงานโดยการขอสินเชื่อเพิ่มเติมจากธนาคาร หากแผนการขยายกำลังการผลิตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ จะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้น 2 เท่า สามารถรองรับออเดอร์ที่หลั่งไหลเข้ามาทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศได้

S__9732128.jpg

เนาวรัตน์ ภิญโญ อีกหนึ่งในผู้ดูแลธุรกิจแบรนด์ "วีรษา"(Veerasa) กล่าวว่า แม้สินค้าที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ จะมีราคาสูงกว่าปกติ อย่างภาชนะจากกาบหมากอยู่ที่ประมาณชิ้นละ 5 บาท ต่างจากโฟมที่ราคาอยู่ที่ประมาณชิ้นละ 0.80 บาท แต่อยากให้มองถึงผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากคนยังบริโภคกันต่อไปเรื่อยๆ

"เรื่องของทัศนคติไม่ได้เปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย แต่เราจะเน้นประชาสัมพันธ์ เปรียบเทียบความข้อดีและข้อเสียของการใช้โฟม และ วัสดุจากธรรมชาติ ขณะเดียวกันหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็ออกมารณรงค์ในเรื่องนี้ ทำให้ประชาชนเริ่มหันมาตระหนัก และใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม กันมากขึ้น ส่งผลทำให้เรามีลูกค้าที่ซื้อสินค้าแล้วซื้อต่อเนื่อง ไม่ได้ซื้อแล้วหายไปเลย" เนาวรัตน์กล่าว

S__9740334.jpg

สำหรับแผนพัฒนาธุรกิจ บริษัทเตรียมพัฒนารูปแบบภาชนะเพิ่มเติม รองรับความต้องการของลูกค้า จากปัจจุบันที่มีทั้งหมด 14 รูปแบบ พร้อมเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากเดิมที่เป็นพลาสติก ให้เปลี่ยนเป็นสิ่งที่สามารย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ตอกย้ำผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ 100% นอกจากนี้ ยังมีแผนรับซื้อผลผลิตทุกส่วนของต้นหมากจากชาวสวน เพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกด้วย