นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ พร้อมยืนยันว่า สหรัฐฯ จะย้ายสถานเอกอัครราชทูตจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลมแทน โดยนายทรัมป์ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และสันติภาพในตะวันออกกลาง ซึ่งหลังจากนี้สหรัฐฯ จะสนับสนุนแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์แบบ 2 รัฐ รวมทั้งการสร้างรัฐปาเลสไตน์ที่เป็นอิสระจากอิสราเอล

ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาออกมาประท้วงต่อการที่สหรัฐฯ ประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลได้ออกมาชื่นชมการตัดสินใจของนายทรัมป์ในครั้งนี้ว่า เป็นหมุดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ ขณะที่นายมามุดห์ อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ได้ออกมาประณามการตัดสินใจของนายทรัมป์ พร้อมยืนยันว่า นครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงชั่วนิรันดร์ของปาเลสไตน์ และหลังจากนี้ สหรัฐฯ จะไม่สามารถป็นคนกลางในการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ได้อีกแล้ว ส่วนกองกำลังฮามาสในฉนวนกาซาโจมตีการตัดสินใจของนายทรัมป์ว่า เป็นการคุกคามชาวปาเลสไตน์อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ขุมนรกสำหรับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ (ซ้าย) และสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย (ขวา)

เช่นเดียวกับ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย หนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่ออกมาโจมตีการตัดสินใจของนายทรัมป์ว่า เป็นการยั่วยุชาวมุสลิมทั่วโลกอย่างชัดเจน ส่วนนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ประกาศว่า เธอไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ ขณะที่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า เขาไม่สนับสนุนการตัดสินใจในครั้งนี้ และขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ และนายอันตอนิอู กูแตร์รีช เลขาธิการสหประชาชาติได้แสดงความกังวลว่า สถานการณ์ในครั้งนี้จะนำไปสู่ความตึงเครียดขั้นรุนแรง และแนวทางการแก้ปัญหาแบบ 2 รัฐได้ถูกปิดลง โดยไม่มีแผนสำรอง

ปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดในโลกที่ตั้งสถานเอกอัครราชทูตในนครเยรูซาเลม หลังจากที่เอล ซัลวาดอร์ และคอสตาริกาได้ย้ายสถานเอกอัครราชทูตออกจากนครเยรูซาเลมไปยังกรุงเทลอาวีฟเมื่อปี 2006 เพื่อให้สอดคล้องต่อบรรทัดฐานของนานาชาติ

ภาพ: AP

เรียบเรียงโดย: สลิสา ยุกตะนันทน์