สหรัฐฯ เปิดเผยรายชื่อ 6 ประเทศคู่ค้า ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และอินเดีย ซึ่งต้องเฝ้าระวังนโยบายการแลกเปลี่ยนสกุลเงินและนโยบายเศรษฐกิจ ว่าอาจเป็นการกดค่าเงินสกุลท้องถิ่นให้อ่อนค่า เพื่อให้ได้เปรียบทางการค้า
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ชี้แจงว่ารายชื่อเฝ้าระวังในรายงานนี้ไม่ได้เป็นการกล่าวหาทั้ง 6 ประเทศ ทำให้เงินท้องถิ่นอ่อนค่า เพื่อเอาเปรียบทางการค้ากับสหรัฐฯ แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ อินเดียเป็นประเทศล่าสุดที่ถูกเพิ่มเข้ามาในรายชื่อประเทศที่สหรัฐเฝ้าระวังเรื่องการทำให้สกุลเงินท้องถิ่นอ่อนต่า เนื่องจากอินเดียเข้าซื้อสกุลเงินต่างประเทศมากถึง 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2560 หรือคิดเป็นร้อยละ 2 ของจีดีพี ส่งผลให้ค่าเงินรูปี ซึ่งเป็นเงินสกุลท้องถิ่นของอินเดียแข็งค่าขึ้นถึงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ทุก 6 เดือน กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ จะออกรายงานเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าการค้าเป็นไปอย่างเสรีและยุติธรรม โดยรายงานครั้งนี้ไม่พบประเทศใดที่เข้าข่ายกดสกุลเงินท้องถิ่นตามมาตรฐานที่ สหรัฐฯ กำหนดไว้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ยังตัดสินใจที่จะไม่นำจีนไปไว้ในกลุ่มประเทศที่กดสกุลเงินเพื่อประโยชน์ทางการค้า แม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะประกาศระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งว่าเขาจะนำจีนขึ้นรายชื่อที่กดสกุลเงินท้องถิ่นให้ได้
อย่างไรก็ตาม รายงานนี้ได้ระบุว่ารัฐบาลของนายทรัมป์มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับ ความไม่สมดุลทางการค้าที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจโลก โดยจีนได้ดุลการค้าจากสหรัฐฯ อย่างมาก และมากที่สุดในบรรดาคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ส่วนการพัฒนาเศรษฐกิจจีนไปในทิศทางที่ไม่ใช้กลไกตลาด และจีนควรปรับค่าเงินหยวนให้เหมาะสมกับสหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
กนง.เสียงแตก จับตาการค้าโลกเขย่าส่งออก