ไม่พบผลการค้นหา
'อดีต สส.เพื่อไทย' ร้อง 'ป.ป.ช.' สอบ 'เลขาฯ ป.ป.ช.' ปมไต่สวนคดีเรียกทรัพย์อธิบดีกรมน้ำบาดาล 5 ล้านบาท ตั้งข้อสงสัยขั้นตอนการสอบเร่งรีบผิดปกติ-ทำเป็นขบวนการ

วันที่ 27 ก.พ. อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีต สส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการไต่สวน นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ รวม 10 คน พร้อมตั้งสังเกตถึงขั้นตอนของการทำงานของ ป.ป.ช. ที่มีคำสั่งชี้มูลว่าตนมีความผิดในการเรียกรับเงิน 5 ล้านบาทจาก ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในขณะนั้น

ทั้งนี้ เนื่องจากพบความผิดวิสัยในการไต่สวน มีความพยายามเร่งรีบ และทำเป็นกระบวนการ โดยหลังจากที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นหนังสือร้องเรียนว่ามีอนุกรรมาธิการบางคนโทรศัพท์เรียกรับเงิน ศักดา วิเชียรศิลป์ ซึ่งมีเอกสารเพียง 5 แผ่น ไม่มีการระบุชื่อตนในคำร้อง 

โดยทาง ป.ป.ช. ลงเลขรับเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ต่อมาทางสำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมือง หรือ สตม. ลงเลขรับวันที่ 11 ส.ค. 2563 ที่มี นิวัติไชย เกษมมงคล เป็นรองเลขา ป.ป.ช. ในขณะนั้น หลังส่งเรื่องร้องเรียนวันเดียว จากนั้น นิวัติไชย ได้เรียก ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มาสอบสวนหลังรับเรื่องแค่วันเดียว และเปลี่ยนเลขรับเป็นเลขคดีในวันที่ 17 ส.ค. 2563 ซึ่งมีความรวดเร็ว ผิดขั้นตอนตามระเบียบการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากไม่มีการแต่งตั้งรายชื่อคณะกรรมการไต่สวนขึ้นมาดำเนินสอบหาข้อเท็จกรอบในระยะเวลา 180 วัน 

อนุรักษ์ มองว่า นิวัติไชย และพวก รวม 10 คนทำหน้าที่ไต่สวนโดยพลการ เพราะยังไม่มีคำสั่งมอบหมายอย่างเป็นทางการ เป็นการทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบกรามการทุจริต ปี พ.ศ. 2561 มาตรา 50 ที่ระบุชัดว่าพนักงานไต่สวนจะต้องได้ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียก่อน 

อีกทั้งมีข้อสงสัยว่า ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี และตัดสิทธิ์ทางการเมืองนั้น เพราะเอกสารคำร้องของ ป.ป.ช. ได้มีการตัดคำให้การของ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ อดีต สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นพยานที่ ป.ป.ช. เรียกสอบ ให้การยืนยันว่า ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ระบุว่าไม่มีการเรัยกรับเงินแต่อย่างใด แต่เป็นการกล่าวขึ้นเพราะความโมโห 

นอกจากนี้ ผลการไต่สวนของ ป.ป.ช. ไม่มีหลักฐานใดทั้งคลิปเสียงหรือข้อความไลน์ว่าตนเรียกทรัพย์ แต่กลับมาชี้มูลว่าตนมีความผิด อีกทั้งคำตัดสินของศาลฎีกา มีเพียงหลักฐานจากพยานบุคคลคือ ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ เพียงรายเดียว ดังนั้นในระหว่างที่คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ตนขอมาร้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบตั้งคณะกรรมการไต่สวน นิวัติไชย และพวก 10 คน ซึ่งเป็นพนักงานรัฐระดับสูงนั้นอาจใช้อำนาจการไต่สวนที่บกพร่องอย่างร้ายแรง และขอให้สั่งยุติปฏิบัติหน้าที่หากพบมีความผิด