ไม่พบผลการค้นหา
จำนวนเด็กที่ต้องตายเพิ่มจากปีแรก 78% พลเรือนเสียชีวิตรวมมากกว่า 2,400 ราย

รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา หรือ NUG เปิดเผลข้อมูลระบุว่า ในช่วงปี 2565 เพียงปีเดียว คณะรัฐบาลทหารของเมียนมาได้สังหารเด็กและเยาวชนไปแล้วมากกว่า 165 ราย และเมื่อเทียบข้อมูลระหว่างปี 2564 กับ 2565 จำนวนเด็กที่ต้องตายเพราะฝีมือของคณะรัฐประหารเมียนมาเพิ่มขึ้นมากถึง 78%

"ข้อมูลตัวเลขจาก NUG เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้" โทมัส คีน ที่ปรึกษาอาวุโสของ Myanmar for the International Crisis Group กล่าว พร้อมอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่ารายงานในลักษณะนี้เป็นรายงานที่มีหลักฐานอ้างอิง

นักวิเคราะห์จากสื่อมวลชนในเมียนมาระบุว่าสิ่งที่ทำให้เด็กต้องตายเป็นจำนวนมากมาจากการโจมตีด้วยยุทโธปกรณ์ของกองทัพที่พุ่งเป้าไปยังกองกำลังที่ต่อต้านเผด็จการเมียนมา 

นับตั้งแต่การก่อรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ.2564 สถานการณ์ก็เลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ Assistance Association for Political Prisoners ชี้ว่าประชาชนชาวเมียนมาถูกสังหารไปแล้วไม่น้อยกว่า 2,400 ราย

ด้านสำนักข่าว Irrawaddy รายงานเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ว่ากองทัพเมียนมาได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำเปิดฉากยิงถล่มโรงเรียนวัดในเมืองตาบายิน ทำให้เด็ก 11 คนเสียชีวิต โดยมีเด็ก 7 คนเสียชีวิตในทันที


ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ออกมติเรียกร้องในวันที่ 23 ธ.ค.ให้เผด็จการเมียนมาที่กำลังปกครองประเทศอยู่ ปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด ซึ่งหมายรวมถึง อองซานซูจี มุขมนตรีแห่งรัฐเมียนมา และ วินมินต์ อดีตประธานาธิบดีรัฐบาลพลเรือนเมียนมา โดยมตินี้นับเป็นมติครั้งแรกที่ UNSC ออกต่อเมียนมานับตั้งแต่ประเทศได้รับเอกราช

มติ UNSC 2669 ต่อกรณีเมียนมาแสดง “ความกังวลอย่างลึกซึ้งต่อการบังคับใช้ภาวะฉุกเฉินในขณะนี้ ซึ่งถูกบังคับใช้โดยกองทัพ” และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหาทางออก ต่อประเด็นดังกล่าวที่มีมาอย่างยาวนาน มติดังกล่าวยังเรียกร้องให้มีการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างสูงยิ่ง ต่อเหยื่อของความรุนแรง โดยเฉพาะผู้หญิง เด็ก และประชากรผู้พลัดถิ่น รวมถึงชาวโรฮิงญา ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมในเมียนมา

มติดังกล่าวออกมา หลังจากที่กองทัพเมียนมาเข้าทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน และเดินหน้าการปราบปราบ จับกุม และประหารผู้เรียกร้องประชาธิปไตยทั่วทั้งประเทศ ในช่วงตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มขึ้นจากการโค่นล้มอำนาจรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งถล่มทลายของประชาชน อันมี อองซาน ซูจี เป็นผู้นำพลเรือนคนสำคัญ ซึ่งปัจจุบันกำลังถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ และยังคงเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหาและโทษทางการเมือง ที่ทำให้เธออาจถูกสั่งจำคุกไปจนวันตาย

#VoiceOnline