วันที่ 28 ก.ย. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 18 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) ทวี สอดส่อง ได้ตอบกระทู้ถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติดว่า วันนี้รัฐบาลได้ยกปัญหายาเสพติดเป็นวาระที่ต้องแก่ไขภายใน 1 ปี โดยเฉพาะทำการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจรคือ ต้องการไปแก้ไขให้ผู้เสพเป็นผู้ป่วย รวมถึงสกัดผู้ค้าด้วยการยึดทรัพย์ และป้องกัน
ทวี กล่าวว่า ในปัจจุบันยาเสพติดที่เป็นยาบ้า จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พบว่า ยาย้าทั้งหมดได้เปลี่ยนพลวัตร ไม่มีโรงงานผลิตในประเทศไทย แต่ปัญหาคือ ยาบ้าทั้งหมดทุกวันนี้มาจากนอกประเทศ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ
ในปี 2546 เราพบว่า ประเทศไทยยึดยาบ้าได้ 70 ล้านเม็ด แต่เมื่อปี 2565 เรากลับมียาบ้าเพิ่มขึ้นถึง 600% และในปี 2566 ถ้านับรวมถึงวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมามียาบ้าเพิ่มขึ้น 502 เม็ด และวันนี้จะมีการจับกุมอีก 15 ล้านเม็ด ปัญหาคือ ในอดีตยาบ้าถูกลำเลียงมาจากทางภาคเหนือ แต่ขณะนี้เกือบ 80-90% มาจากทางภาคอีสาน
ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องการแก้ไข เราต้องใช้ความร่วมมือกับต่างประเทศ โดย วันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนได้ไปประชุมทวิภาคีกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ของประเทศลาวเพื่อยกระดับปราบยาเสพติด คือ การสกัดกั้นการลำเลียงไปสู่ต่างประเทศ
“เราต้องยกระดับยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ภูมิภาค และนานาชาติ ซึ่งประเทศลาวเห็นด้วย และต้องเริ่มกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อมีมาตรการสกัดกั้นป้องกันการสืบสวน การขยายผล และยึดทรัพย์อย่างจริงจัง ภายใต้กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมของแต่ละประเทศ” ทวี กล่าว
ทวี เสริมว่า กรณีผู้ที่กระทำผิด และหลบไปประเทศลาว เราเจาะลึกไปพบว่า 45 คนคือผู้ค้ารายสำคัญละดับนานาชาติ ซึ่งเราก็มีการร่วมจับกุม และประชุมรายละเอียดเชิงลึกใน 12 ข้อการปฏิบัติการของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ รวมประเทศจีน
ทั้งนี้ แม้ว่า นายกรัฐมนตรีจะกำหนดนโยบายการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง 1 ปี แต่กระทรวงยุติธรรมขอใช้เวลา 3 เดือน เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมาตรการในประเทศ เราจะนำเรื่องกฎหมายทรัพย์สินมาจัดการกับพวกที่ใช้ทรัพย์สินหวังผลบนความโหดร้ายของเพื่อนมนุษย์ อีกทั้งกลุ่มคนเหล่านั้นยังมีผู้ค้ำยันทุกระดับ อาจจะเป็นผู้มีอิทธิพล ข้าราชการ บุคคลต่างๆ
ทวี กล่าวอีกว่า สภาพปัญหายาเสพติด ประมาณการจากผู้เกี่ยวข้องกับปัญหายาเสพติด 1.9 ล้านคน คิดเป็น 2.87% จากประชากรทั้งหมด พบว่า กลุ่มบุคคลที่ติดยาเสพติดคือ ผู้ที่อายุ 15-29 ปี และเป็นผู้เสพรายใหม่ 57% ผู้เสพรายเก่า 43%
ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขใช้โรงพยาบาล 1,078 โรง และศูนย์คัดกรองต่างๆ ในการบำบัด ปัญหาคือ เราออกประมวลมาแล้ว แต่ยังไม่ออกกฎหมายอนุบัญญัติว่า กี่เม็ดคือผู้เสพ ถ้าเราไม่ได้บัญญัติ กฎหมายก็คือกระดาษที่ว่างเปล่า นี่คือเรื่องใหญ่ที่จะเร่งทำให้เร็วที่สุด
พบว่าในจำนวน 300,000 คนจากสถานคุมประพฤติ ศาลมีคำสั่งให้คุมประพฤติ แต่ไม่มีคำสั่งให้ไปบำบัด อีกทั้งบางแห่งศาลให้รอลงอาญา คิดว่า หลังจากมีประธานศาลฎีกาคนใหม่จะยกคณะไปคุย ส่วนที่ต้องประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขคือ สถานบำบัด จะขอนัดคุยเชิงลึกต่อไป
วันนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือต้องประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. มีมาตรา 5(10) เราสามารถประกาศเป็นพื้นที่ต้องแก้ปัญหายาเสพติดอย่างสูงสุด เราจะต้องยกระดับทำโครงสร้างเพื่อแก้ปัญหา สำหรับพื้นที่ที่เป็นการแพร่ระบาด เราจะยกระดับพื้นที่ที่มาฟื้นฟูบำบัดตามกฎหมาย ป.ป.ส. พร้อมย้ำว่า เรามีเครื่องมือหลายเครื่องมือ แต่จะประชุมเร็วๆ นี้ วันนี้เราต้องกล้ากระจายอำนาจไปให้ท้องถิ่น และมีงบประมาณไปสู่ครอบครัวชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด