ต่างประเทศ
โป๊ปวอนหยุดใช้กฎหมายต้านเกย์ ชี้ศาสนจักรควรเปิดต้อนรับชุมชน LGBTQ+
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งศาสจักรคาทอลิกทรงวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายความผิดฐานรักเพศเดียวกันว่า “ไม่ยุติธรรม”
“การเป็นคนรักเพศเดียวกันไม่ใช่อาชญากรรม” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (24 ม.ค.) ทั้งนี้ ประมุขแห่งศาสนจักรคาทอลิกทรงตระหนักได้ว่า มีบิชอปคาทอลิกในบางประเทศใต้บัญชาของพระองค์ ที่ให้การสนับสนุนกฎหมายความผิดฐานรักเพศเดียวกัน และการเลือกปฏิบัติต่อชาว LGBTQ+
อย่างไรก็ดี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงระบุว่าการรักเพศเดียวกันไม่ใช่อาชญการรม แต่ยังทรงเรียกว่าเป็น “บาป” แม้จะทรงกล่าวว่าทัศนคติดังกล่าวมาจากภูมิหลังทางวัฒนธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบิชอปจำเป็นต้องผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางความคิด เพื่อยอมรับศักดิ์ศรีของคนทุกคน “บิชอปเหล่านี้จะต้องมีกระบวนการเปลี่ยนผ่าน” พร้อมทรงชี้ว่าพวกเขาควรใช้ “ความอ่อนโยน ได้โปรดเถิด ดังที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อเราแต่ละคน”
ความคิดเห็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งทรงได้รับการยกย่องจากผู้สนับสนุนสิทธิเกย์ว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญ นับเป็นครั้งแรกที่สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว แต่ก็สอดคล้องกับแนวทางโดยรวมของพระองค์ที่มีต่อชาว LGBTQ+ และความเชื่อของพระองค์ที่ว่าคริสตจักรคาทอลิกควรต้อนรับทุกคนและไม่เลือกปฏิบัติ
ปัจจุบันนี้มี 67 ประเทศหรือเขตอำนาจศาลทั่วโลก ที่กำหนดให้กิจกรรมทางเพศโดยความสมัครใจในเพศเดียวกันเป็นอาชญากรรม โดย 11 ประเทศในนั้นกำหนดโทษสูงสุดถึงการประหารชีวิต อ้างอิงจากรายงานของ The Human Dignity Trust ซึ่งทำงานเพื่อยุติกฎหมายดังกล่าว อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าแม้กฎหมายจะไม่มีการบังคับใช้ในทางปฏิบัติ แต่ก็มีส่วนทำให้เกิดการคุกคาม การตีตรา และการใช้ความรุนแรงต่อชาว LGBTQ+
องค์การสหประชาชาติเรียกร้องหลายครั้งให้มีการยุติกฎหมายที่ลงโทษการรักร่วมเพศโดยสมบูรณ์ โดยองค์การสหประชาชาติกล่าวว่า กฎหมายเหล่านี้ละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพจากการเลือกปฏิบัติ และเป็นการละเมิดพันธกรณีของประเทศต่างๆ ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของทุกคน โดยไม่คำนึงถึงรสนิยมทางเพศหรืออัตลักษณ์เพศของพวกเขา
จากการที่ทรงประกาศว่ากฎหมายดังกล่าว “ไม่ยุติธรรม” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงกล่าวว่าคริสตจักรคาทอลิกสามารถและควรดำเนินการเพื่อยุติกฎหมายเหล่านี้ นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังทรงอ้างคำสอนของคาทอลิกที่กล่าวว่า ผู้เป็นเกย์ต้องได้รับการต้อนรับและเคารพ และไม่ควรถูกกีดกันหรือเลือกปฏิบัติ “เราทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า และพระเจ้าทรงรักเราอย่างที่เราเป็น และสำหรับความเข้มแข็งที่เราแต่ละคนต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของเรา” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงย้ำ
การทรงให้สัมภาษณ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีขึ้นก่อนการเดินทางเยือนแอฟริกา ซึ่งมีกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้อยู่ทั่วไป เช่นเดียวกับในตะวันออกกลาง ที่กฎหมายได้บังคับใช้ต่อมาจากยุคอาณานิคมของอังกฤษ หรือได้รับแรงบันดาลใจจากกฎหมายอิสลาม บิชอปคาทอลิกบางคนยึดถืออย่างหนักแน่นว่าการต่อต้านเกย์นั้นสอดคล้องกับคำสอนของวาติกัน ในขณะที่มีคนอื่นๆ เรียกร้องให้ยกเลิกเพราะเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ขั้นพื้นฐาน
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงกล่าวว่า มีความจำเป็นที่จะต้องมีความแตกต่าง ระหว่างอาชญากรรมและบาปเกี่ยวกับการรักร่วมเพศ ทั้งนี้ คำสอนของศาสนจักรถือว่าพฤติกรรมรักร่วมเพศเป็นบาปหรือ “ความผิดปกติภายใน” แต่ผู้เป็นเกย์ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีและความเคารพ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงกล่าวอย่างชัดเจนว่า “มันไม่ใช่อาชญากรรม ใช่ แต่มันเป็นบาป เอาล่ะ แต่ก่อนอื่นมาแยกแยะระหว่างบาปกับอาชญากรรมกันก่อน” พร้อมกันนี้ทรงย้ำว่า “มันเป็นบาปเช่นกันกับการที่จะขาดความเมตตาต่อกัน”
อย่างไรก็ดี สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซฺสไม่ได้ทรงเปลี่ยนคำสอนของคริสตจักร ซึ่งได้ละเมิดชาวคาทอลิกที่เป็นเกย์มาอย่างยาวนาน แต่พระองค์ได้ทำให้การเข้าถึงชาว LGBTQ+ เป็นจุดเด่นของการดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาของพระองค์ ทั้งนี้ ความเห็นของสมเด็จพระสันตะปาปาไม่ได้เจาะจงไปที่คนข้ามเพศหรือคนที่ไม่ใช่ไบนารี เพียงแต่จำกัดอยู่ที่คำว่าการรักร่วมเพศ แต่ผู้สนับสนุนการไม่ทิ้ง LGBTQ+ เอาไว้ข้างหลังมีมากขึ้นในคริสตจักรคาทอลิก ซึ่งต่างยกย่องความคิดเห็นของสมเด็จพระสันตะปาปาว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ
ที่มา:
