วันที่ 4 เม.ย. 2565 ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์การเข้ามาทำงานทางการเมืองของ แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า หลักการโดยทั่วไปนั้นการเมืองไม่ได้จำกัดหรือผูกขาดไว้เพียงตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ขณะเดียวกันไม่มีข้อจำกัดใดตามรัฐธรรมนูญห้ามไม่ให้ตระกูลใดตระกูลหนึ่งเข้ามาทำงานทางการเมืองด้วยเช่นกัน ตำแหน่งทางการเมืองถือเป็นตำแหน่งสาธารณะ ที่พี่น้องประชาชนในฐานะผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย มอบความไว้วางใจให้เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใคร หรือนามสกุลใด หากมีความตั้งใจอยากอาสาเข้ามาทำงานที่เป็นประโยชน์เพื่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ย่อมสามารถทำได้ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย และเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นผู้ที่ออกมาให้ความเห็นต่างๆ ไม่ควรด่วนคิด ตัดสินใจแทน เพราะสุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง
ทั้งนี้ การทำงานทางการเมืองของ แพทองธาร กับพรรคเพื่อไทยเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น การเปิดตัวในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะทำงานการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอยู่ไม่น้อย จนทำให้คนที่กลัวดีเอ็นเอตระกูลชินวัตร กลัวว่าจะกระทบต่อการรักษาอำนาจทางการเมืองของตัวเองและพวกพ้อง เพราะที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีจากตระกูลชินวัตร เคยสร้างความสำเร็จในการทำนโยบายที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนไว้มากมาย เป็นรัฐบาลที่เคยประกาศนโยบายอะไรไว้ก็ทำสำเร็จทุกอย่างและที่สำคัญหลายนโยบายในอดีตก็ยังสร้างคุณูปการให้กับประเทศจวบจนถึงทุกวันนี้ และที่ผ่านมาไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกกระทำย่ำยีเพียงใด แต่ความจริงที่ว่าฐานที่มั่นของพรรคเพื่อไทยก็ยังเหนียวแน่นอยู่ และยังได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนเสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แพทองธาร ชินวัตร ที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ความสามารถ การเข้ามาทำงานการเมืองร่วมกับพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะในบทบาทใด หากเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติย่อมเป็นสิทธิที่ทำได้ และคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือพี่น้องประชาชน
ชญาภา กล่าวอีกว่า ครอบครัวการเมืองหรือทายาททางการเมืองไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในสังคมโลก ไม่ใช่การสืบทอดทางการเมือง แต่คือการสืบทอดอุดมการณ์ประชาธิปไตย สืบทอดอุดมการณ์ทางการเมือง บริบทการเมืองในหลายประเทศทั่วโลกเรื่องทายาทนักการเมืองถือเป็นเรื่องปกติ ในประวัติศาสตร์มีผู้เสนอตัวชิงตำแหน่งสำคัญๆทางการเมืองจากครอบครัวนักการเมืองมากมาย เช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีตระกูลครินตัน ตระกูลบุช ส่วนในฝั่งเอเชีย ก็มีตัวแทนจากตระกูลนักการเมืองจำนวนไม่น้อยที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน ดังนั้น สังคมควรเปิดกว้างให้โอกาสคนมีความพร้อม ความสามารถได้เข้ามาทำงาน
”ที่มีผู้กังวลว่าเส้นทางการเมืองของ แพทองธาร จะสะดุดจบลงด้วยการทำรัฐประหารตามรอยเดิมนั้น สิ่งที่สังคมต้องช่วยกันตระหนักคือต้องช่วยกันคัดค้านไม่ให้อำนาจนอกระบบเข้ามาตัดตอนกระบวนการทางประชาธิปไตยมากกว่า ไม่ใช่ตั้งแง่กับรัฐบาลพลเรือนหรือคนที่มาจากประชาชน การทำรัฐประหารนับครั้งไม่ถ้วนในประเทศไทยพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ทางออกของประเทศ ในทางตรงกันข้ามจะเห็นได้ว่าประชาชนคนหนุ่มสาวจำนวนมากได้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและประกาศไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาอำนาจนอกระบบอีกต่อไป ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ เหล่าผู้มีอำนาจในขณะนี้ควรเปิดใจ เปิดกว้าง และปล่อยให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจได้เป็นผู้ตัดสินใจในการกำหนดทิศทางประเทศเอง ไม่ใช่สร้างวาทกรรมเพื่อโจมตีกันเช่นนี้” ชญาภา กล่าว