ไม่พบผลการค้นหา
‘เศรษฐา’ ปัด ไม่ได้คุยกับ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ที่อุบลฯ หลังทนายอนันตชัยยื่นฟ้อง ยอมรับ วิตกทุกเรื่อง แต่แยกแยะออกจากการทำงาน ยันไม่ได้ลุแก่อำนาจหรือมีผลประโยชน์

6 ต.ค. 2566 เวลา 15:00 น. ที่สถานีตรวจวัดระดับน้ำ (M7) บริเวณเชิงสะพานเสรีประชาธิปไตย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เศรษฐาทวีสินนายกรัฐมนตรี และ.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่ได้เดินทางร่วมคณะลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีว่าได้มีการพูดคุยกันถึงกรณีที่ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)เพื่อให้เอาผิดนายเศรษฐา ว่า ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวเลย มีแต่พูดคุยกันแต่เรื่องงานอย่างเดียว ว่าเราต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องฟ้องร้องก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย

ถามว่าวิตกในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เศรษฐา กล่าวยอมรับว่า วิตกทุกเรื่อง แต่ก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมทำไปนั้นไม่ได้แก่อำนาจและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง และไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝงใดใดทั้งสิ้น ก็ทำเพื่อพี่น้องประชาชนทุกคน

ถามว่า แม้จะวิตกแต่ก็ก็จะไม่ทำให้นายกเสียสมาธิในการทำงานใช่หรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า "ผมคิดว่ามาอยู่ในตำแหน่งนี้มีปัญหาเยอะ ซึ่งเราต้องแยกแยะให้ถูกว่าเวลาไหนที่ควรวิตก เวลาไหนทำอะไรได้ก็ทำ อย่างวันนี้มาเรื่องน้ำท่วม มาในเรื่องปัญหาของประชาชนก็โฟกัสเต็ม 100% แต่ถ้าถึงเวลาที่ต้องไปให้การหรือทำในเรื่องของกฎหมายก็จะไปทำ"

นายกฯ เผยเตรียมเยือน 4 ประเทศ กระชับความสัมพันธ์เช่นเดียวกับประเทศใหญ่

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมเดินทางเยือนประเทศ ฮ่องกง สิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซีย ว่า อาเซียนเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียงกับเรา ตนเดินทางไปกัมพูชามาแล้วก็ไม่อยากให้ประเทศอื่นรู้สึกไม่ดีว่าทำไมเราถึงไม่ไป อย่างทางประเทศบรูไนก็มีสัมพันธภาพที่ดีกับเรามามาก รวมถึงมาเลเซียและสิงคโปร์เอง เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่เรามีมิตรภาพที่ดีมานาน ประกอบกับช่วงนี้ถึงช่วงปลายปี ตนมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศในประเทศใหญ่ๆเยอะ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาเรื่องการประชุมเอเปก การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือที่ประเทศญี่ปุ่น สังเกตว่าประเทศที่ตนพูดมาประเทศใหญ่ทั้งนั้น การระมัดระวังเรื่องของการกระทบกระเทือนจิตใจของประเทศเพื่อนบ้านว่าให้ความสำคัญกับประเทศใหญ่มากกว่าก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ต้องให้ความสำคัญ เพราะฉะนั้นเราต้องเดินทางไปพบปะกับนักธุรกิจใหญ่ๆหลายคน เพื่อมาดูว่าเขาสามารถมาลงทุนได้หรือเปล่า ยืนยันเราต้องไปเปิดประตูการค้าประตูการลงทุน ไปบอกทั่วโลกว่าวันนี้ประเทศไทยเปิดแล้ว 

นายกฯ กร้าว ยันแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฉพาะกลุ่ม ชี้เป็นนโยบายที่ต้องทำ บอกอดีตธปท. ค้านแค่ความเห็น ยังมีกูรูเศรษฐกิจอีกส่วนที่เห็นด้วย ซึ่งต้องรับฟังทุกส่วน

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่นายวิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย คัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาลว่า เป็นอีกหนึ่งความเห็นที่ต้องรับฟัง แต่นโยบายนี้เป็นนโยบายของเรา ซึ่งอาจจะนำไปปรับปรุง ยืนยันว่าตนพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น รวมถึงความเห็นของประชาชน เมื่อกี้เจอชาวบ้านก็ถามว่า เมื่อไหร่จะได้ซักที 10,000 บาท

เมื่อถามต่อว่า เป็นไปได้ไหมที่จะทบทวนลดทอนการแจกเงินเหลือแค่เฉพาะกลุ่ม นายกรัฐมนตรี ยืนกรานเสียงแข็งว่า “เป็นไปไม่ได้” เมื่อถามว่าความคิดเห็นของอดีตที่ปรึกษาเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยและผู้ที่มีเครดิตทางเศรษฐกิจยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ผู้ที่มีเครดิตทางเศรษฐกิจอีกหลายคนก็เห็นด้วย เราก็รับฟังและให้เกียรติทุกคน เพราะเป็นเรื่องของความคิดเห็น