ไม่พบผลการค้นหา
'เสรีพิศุทธ์-อนันต์ชัย' ร้องทุกข์กล่าวโทษ 'นายกฯ-กตร. 9 คน' ข้อหา เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 กรณีแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. คนใหม่

วันที่ 5 ต.ค. ที่ ป.ป.ช. สนามบินน้ำ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ฉายาวีรบุรุษนาแก พร้อมด้วยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกระดูกเหล็ก ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษคณะกรรมการ กตร. ได้แก่ 1) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กตร., 2) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีตผบ.ตร., 3) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., 4) พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก อดีตรอง ผบ.ตร., 5) พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร., 6) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ, 7) ศ.ศุภชัย ยาวะประภาษ นายกสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ, 8) ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาไทย, 9) ปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, 10) อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ รวม 10 คน ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบวินิจฉัยและชี้มูลความผิด นายกฯ-ก.ตร. 9 คน ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91 และข้อหาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง กรณีแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กตร. ได้เสนอชื่อพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล เพื่อให้คณะกรรมการ กตร. พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 9 คน ข้างต้น ได้มีมติเห็นชอบให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล เป็น ผบ.ตร. ซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 258 ง.(4) ซี่งมีหลักว่า การแต่งตั้งต้องคำนึงถึงอาวุโส และความรู้ความสามารถประกอบกัน เป็นการผิดต่อ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 78 (1) ซึ่งบัญญัติว่า “มาตรา 78 การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77 (1) (2) (3) (4) (5) และ (6) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ 

 (1) การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77 (1) ให้นายกรัฐมนตรี คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 77 (1) โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม เสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง” และนอกจากนี้ ยังผิดต่อพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กรณีพล.ต.อ.วินัย ทองสอง กับ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีการเข้าค้นบ้านพักของข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่และเคหสถานอื่นหลายแห่งทั่วประเทศ กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. อาจมีผลทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง ตามความในมาตรา 16 เจตนารมณ์ของกฎหมายดังกล่าวจึงบัญญัติไม่ให้มาทำหน้าที่พิจารณาทางการปกครองในเรื่องการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร. เพราะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มีคุณสมบัติที่สามารถได้รับการพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ได้เช่นเดียวกันกับ รอง ผบ.ตร. อีก 3 คน จึงเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรี ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 มาตรา 13 และ 16 เพราะถือว่าพล.ต.อ.วินัย ทองสอง กับ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ มีส่วนได้เสีย ซึ่งผลการประชุม กตร. วันที่ 27 กันยายน มีมติเสียงข้างมาก 9 ต่อ 1 งดออกเสียง 2 เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป นั้น โดย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ซึ่งเป็น ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิจากการเลือกตั้ง คัดค้านไม่เห็นชอบ นายเศรษฐา ทวีสิน และ รศ.ประทิต สันติประภพ กตร. งดออกเสียง 

 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ถ้าหากการคัดเลือก ผบ.ตร.ครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 78 (1) ผู้ที่จะได้รับคัดเลือกคือ ลำดับที่ 1 พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ซึ่งมีอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสอบสวน สืบสวน หรืองานป้องกันและปราบปราม ซึ่งมีอายุราชการ 24 ปี ส่วนลำดับที่ 2 คือพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล มีอายุราชการ 18 ปี ลำดับที่ 3 พล.ต.อ.กิตติรัตน์ พันธ์เพ็ชร มีอายุราชการ 22 ปี ส่วนลำดับที่ 4 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล มีอายุราชการเพียง 10 ปี เท่านั้น ไม่ควรที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. การกระทำดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีกับพวก จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91 และผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 258 ง. (4)  

 นายอนันต์ชัย กล่าวว่า หลังจากนี้อาจจะยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อส่งให้ศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจคณะหนึ่ง หรือ ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัยว่าการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และขอให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ หรือดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.