สถานการณ์การเมืองในปีกของภาคประชาชนน่าจับตามากขึ้นด้วยสัญญาณของการออกมาเคลื่อนไหว ทั้งจากภาคพื้นที่ และเริ่มยกระดับเข้าเมืองกรุง อาจไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะเกิดขึ้นทุกรัฐบาล ไม่ว่าจะเลือกตั้งหรือรัฐประหาร แต่ในห้วงเวลานี้คงต้องติดตามเป็นพิเศษ เนื่องจาก 'รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2' เริ่มได้รับแรงโจมตีจากหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นจากภาคประชาสังคม หรือวิปฝ่ายค้าน
การต่อสู้ของเกมการเมือง ณ ขณะนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น แต่บนท้องถนนเองก็เริ่มมีการออกมาเคลื่อนไหวกันบ้างแล้ว ล่าสุดมีการเคลื่อนขบวนเข้าสู่เมืองกรุงของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move (พีมูฟ) ได้เดินทางมาเพื่อทวงถามความชัดเจนจากฝ่ายรัฐบาล หลังไม่ตอบสนองข้อเสนอเชิงนโยบาย 9 ข้อ
ประกอบไปด้วย การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย, การแก้ไขปัญหาปากท้อง, การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น-ชุมชน, การปฎิรูปที่ดินและกระบวนการยุติธรรม, การจัดการทรัพยากรอย่างเป็นธรรม, การปกป้องคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์, การกระจายอำนาจจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน, การเร่งดำเนินการจัดการปัญหาสถานะบุคคล และการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นรัฐสวัสดิการ ทั้งยังมีประเด็นปัญหาของเครือข่ายเป็นรายกรณีอย่างน้อย 186 เรื่องอีกด้วย
(สมัชชาคนจน)
เมื่อความจริงใจไม่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน ที่ต่างมองว่าข้อเสนอต่างๆ เป็นไปเพื่อ 'ปลดล็อก' การทำมาหากิน อีกทั้งยังมองว่านโยบายหลายอย่างของรัฐบาลเอื้อผลประโยชน์ต่อทุนใหญ่ แม้จะมีการเจรจากันเพื่อเกลี้ยกล่อมไม่ให้มีการนำขบวนเข้ากรุงเทพฯ เดินทางเข้าสู่หน้าทำเนียบรัฐบาล แต่ในส่วนภาคประชาชนก็คงไม่พ้นทางเลือกดังกล่าว ซึ่งคือการลงมาบนท้องถนน
ในส่วนของกลุ่มเคลื่อนไหวในนาม 'สมัชชาคนจน' และ คณะกรรมการประชาชนคัดค้านโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล หรือ คปน.อีสาน ได้เริ่มขยับแล้วเช่นกัน โดยฟากสมัชชาคนจนได้ประกาศนัดเข้ากรุง วันที่ 6 ตุลาคม 2562 แว่วว่าเข้ามารอบนี้อาจจะมีการปักหลักนานนับสัปดาห์หากไม่ได้รับการตอบสนองจากภาครัฐที่ได้ให้สัญญาไว้
(คปน.ภาคอีสาน)
ส่วน คปน.ภาคอีสาน ประกาศว่าจะเดินทางเข้ามายื่นหนังสือต่อ 7 ฝ่ายค้าน เนื่องจากในพื้นที่ราบสูง ได้ถูกรุกหนักจากโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล 29 แห่งที่เชื่อมโยงจากโครงการประชารัฐ โดยที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ในการเปิดเวทีรับฟังครั้งที่ 1 เริ่มตึงเครียดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.2562) เนื่องจากมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรึงกำลัง เพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเข้าไปมีส่วนร่วม
นาทีนี้ยังคงมีอีกหลายพื้นที่โดยเฉพาะปัญหาที่ดินทำกินในประเทศไทย ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลนอกเหนือจากปัญหาด้านการเมืองในสภา กลายเป็นเผือกร้อนที่ไม่มองข้ามปัญหาที่เกิดขึ้นได้
น่าคิดว่าหากแต่ละกลุ่มสามารถร่วมกันจัดทัพกันได้ 'พล.อ.ประยุทธ์' จะงัดหมัดเด็ดเข้ามาแก้ไขได้อย่างไร.....
อ่านเพิ่มเติม