นที่ 21 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ปิดเผยหลังการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อม และกำหนดกรอบเวลาสำหรับการเลือกตั้งโดยจะจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค. โดยวันที่ 7 พ.ค. จะเป็นวันออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง จากนั้นวันที่ 3-7 เม.ย. เป็นวันรับสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขต วันที่ 4-7 เม.ย. เป็นวันรับสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และพรรคการเมืองต้องแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพฯ ดินแดง
วันที่ 27 มี.ค. - 13 เม.ย. กำหนดระยะเวลายื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิก่อนวันเลือกตั้ง ส่วนวันที่ 7-13 พ.ค. และ 15-21 พ.ค. คือการแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
แสวง กล่าวอีกว่า ที่ประชุม กกต. ยังได้เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 5 ฉบับได้แก่ ร่างประกาศเรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ รวมถึงสถานที่ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ
ร่างประกาศเรื่อง จำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และจำนวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ร่างประกาศเรื่อง การสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ร่างประกาศ เรื่อง กำหนดวัน และเวลายื่นคำขอลงทะเบียนใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง และร่างประกาศเรื่อง กำหนดวันและเวลาออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลาง สำหรับที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้ง ที่เลือกตั้งกลางนอกเขตเลือกตั้ง และที่เลือกตั้งกลางสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ
โดย แสวง เปิดเผนอีกว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจะส่งประกาศดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาอย่างเร็วที่สุดคือวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.)
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลต่อคำตัดสินของศาลปกครองที่ถูกร้องให้เพิกถอนการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่ แสวง กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เห็นหมายศาล หรือเอกสารจากศาล แต่ในส่วนกกต. ก็ทำงานไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ โดยส่วนตัวคิดว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ให้รอดูว่าศาลจะว่าอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้มีการพูดคุยในที่ประชุม และมีการเตรียมการไว้พอสมควร เพียงแต่เป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาพูดได้ตอนนี้ พร้อมย้ำว่า ยังไม่ได้คิดไปถึงกรณีที่ศาลปกครองชี้ว่าเป็นการแบ่งเขตอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนในช่วงนี้ที่เข้าสู่โหมดหาเสียงอย่างเต็มรูปแบบ แสวง กล่าวว่า อยากจะขอความร่วมมือกับทุกคนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้าอยากเห็นการเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อยก็ขอให้ทุกคนอยู่ในที่ควรจะอยู่ เคารพในกฎหมายของการเลือกตั้ง รวมถึงรัฐบาลรักษาการต้องปฏิบัติตามแนวกฎหมาย ข้าราชการต้องไม่ใช้ตำแหน่งในมิชอบเพื่อเอื้อให้แก่ผู้ที่ลงไปหาเสียง หรือเอื้อหัวคะแนน ดังนั้นถ้าทุกคนทำในสิ่งที่ควรจะอยู่ การบริหารการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยก็น่าจะออกมาอย่างดี อย่างไรก็ตาม เราทราบว่า การแข่งขันอาจจะรุนแรงตามที่หน้าหนังสือพิมพ์รายงานข่าว แต่ทาง กกต. ก็มีมาตรการดูแลเรื่องนี้
“เราแสวงหาความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ครั้งนี้มีหลายหน่วยงานจะเข้ามาร่วมมือกับสำนักงาน กกต. เพราะทุกฝ่ายคงอยากจะเห็นการเลือกตั้งที่ดี อย่างเช่น ไอลอว์ ก็จะมาพูดคุยกันในวันพฤหัสบดี ผมก็ขอให้เขาทำหน้าที่ตามจุดยืน ไม่ต้องเกรงใจ กกต. เพราะเราทำงานกันอย่างโปร่งใส พร้อมจะให้ตรวจสอบ รวมทั้งสื่อด้วย” แสวง กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เดินหน้ารณรงค์ต่อต้านนโยบายของพรรคภูมิใจไทย รวมถึงร้องให้มีการยุบพรรค แสวง กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ แต่ทำอะไรต้องดูว่า กฎหมายเลือกตั้งเป็นอย่างไร และเมื่อมี พ.ร.ฎ.ยุบสภาก็ต้องดูว่าคุณทำได้แค่ไหน แต่ทาง กกต. เรามีหน้าที่ดูแลตามกฎเกณฑ์
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลรณรงค์ระดมทุนผ้าป่าสามัคคีบริจาคเงินให้กับพรรคเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง แสวง กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบ และมองว่าอาจจะเป็นรูปแบบหนึ่งในการหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งผู้สมัคร และพรรค หรือตัวบุคคลสามารถรรับบริจาคจากบุคคลได้เพื่อใช้ประโยชน์ในการเลือกตั้ง แต่ถ้ารวมเงินแล้วเกิน 10,000 บาทต่อวัน จะต้องมีการแจ้งให้ทาง กกต. ทราบภายใน 7 วัน
