ไม่พบผลการค้นหา
'พรเพชร' ประธานวุฒิสภา (สว.) ยัน สว. ยังไม่หมดไฟ-รอรีไทร์ หลังสื่อประจำสภาฯ มอง หมดหน้าที่หลัง คสช. หมดอำนาจ ระบุทำหน้าที่ด้านกฎหมายทุกวัน มอง สว. มีความคิดแตกกันเพราะโหวตนายกฯ เป็นเรื่องธรรมดา ย้ำอยากให้รัฐบาลเดินหน้ากฎหมายการค้า-สนธิสัญญาระหว่างประเทศ

วันที่ 27 ธ.ค. พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งฉายาของสื่อมวลชนประจำรัฐสภาว่า ไม่มีอะไรร้ายแรง ขอบคุณสื่อมวลชนสำหรับความตรงไปตรงมา และทำงานมา 5 ปีก็มีความสุขที่ได้ทำหลายๆ อย่าง ซึ่งได้ทำงานร่วมกับประธานสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ถึง 2 คนคือ ชวน หลีกภัย และวันมูหะมัดนอร์ มะทา โดยได้รับความเมตตา และช่วยเหลืองานต่างๆ ให้เรียบร้อย 

รวมถึงตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่มีปัญหากับพรรคการเมืองต่างๆ บางทีก็มีผ่อนเบากันบ้างไปหน่อย ส่วนการห้ามไม่ให้ทะเลาะกันนั้น ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น เพราะยังไม่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา จึงต้องรอดูต่อไป 

พรเพชร ยอมรับว่า เป็นห่วงที่ยังไม่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพราะยังขาดการประชุมกันเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศ หรือสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ สว. หลายท่านมีความถนัด ดังนั้นต้องให้ความสำคัญกับการเจรจา และเผยแพร่บ้านเมืองเราไปสู่ต่างประเทศให้มากขึ้น

ส่วนฉายาของ สว. ‘แตก ป. รอ รีไทร์‘ ที่สื่อมวลชนมองว่า การทำงานมีความดรอปลงเนื่องจากไม่มีความเป็นปึกแผ่นเหมือนสมัยรัฐบาลสืบทอดอำนาจจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พรเพชร กล่าวยอมรับว่า สว. สมัยนี้มีภารกิจหน้าที่แตกต่างไปจาก สว. สมัยเก่าๆ ตนรู้ดีว่าหน้าที่ สว. เป็นอย่างไร เพราะรับราชการมานาน ซึ่ง สว. สมัยนั้นเข้าประชุม 11.00 น. เที่ยงวันก็กลับกันแล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร แต่ สว. สมัยนี้มีบทบาททัดเทียมกับ สส. 

ส่วนการรอรีไทร์นั้น พรเพชร กล่าวว่า ไม่ได้รอรีไทร์ เพราะทำหน้าที่ทุกวัน ตนเองวันนี้ก็ยังอยู่ พรุ่งนี้ก็ยังอยู่เพื่อความเรียบร้อย เพราะเราดูกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงให้ความเห็นชอบคนที่ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระต่างๆ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้มันก็เป็นผลงานที่เรียบร้อยไป การที่จะไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ หรือเป็น สส.บัญชีรายชื่อ อะไรทำนองนั้นก็ทำไม่ได้ 

สำหรับฉายาของตัวเองคือ ‘แจ๋วหลบ จบแล้ว‘ ซึ่งสื่อมวลชนมองว่า ก่อนหน้านี้ทำงานให้กับ คสช. แต่เมื่อ คสช. หมดวาระก็ถือว่าทำงานจบแล้วนั้น พรเพชร ยอมรับว่า เมื่อก่อน สว. เขาเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด เราต้องมีบทบาทกับ คสช. อยู่แล้ว แต่ตอนนี้บทบาทไม่เหมือนกัน แต่ถ้าจะตีความว่า ไม่ทำงานแล้วนั้นไม่จริง เพราะความจริงก็ยังทำงานมาตลอด และทุกคนมีภาระหน้าที่ของแต่ละคน ดูอย่าง ‘วิษณุ เครืองาม’ อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่บอกว่าจะพักงานทางการเมือง แต่ก็โผล่มาแล้ว 

ขณะที่สื่อมวลชนมองว่า สว. นั้นแตกกันจากการโหวตเลือกนายกฯ พรเพชร กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าไปมีความเห็นเหมือนกันคงไม่ใช่ แต่สิ่งที่ระมัดระวังคือ การที่มีความเห็นไม่เหมือนกันมันถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่เหมือนกันด้วยความคิดก็โอเค แต่ถ้าไม่ถูกต้องด้วยอามิสสินจ้างก็ไม่โอเค 

ส่วนที่มองว่า สว. กำลังหมดไฟ พรเพชร กล่าวว่า บางทีเขาคงจะไม่เหมือนหมดไฟขนาดนั้น จึงพูดจาหลบเลี่ยงปัญหา เพื่อจะได้ไม่โดนด่า ยืนยันว่า ไม่ใช่เพราะแพ้การเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งคนที่เข้ามามีใครบ้างที่รู้ ตนยังไม่ทราบเลย พรรคไหนจะชนะ หรือจะชนะตลอดหรือเปล่าก็ยังไม่ทราบ คิดไม่ถูกว่า มันจะจบอย่างไร ซึ่งการเมืองมันก็เป็นแบบนี้ พอพรรคก้าวไกลชนะมันก้ต้องได้เป็นรัฐบาล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็น 

ทั้งนี้ สว. จะหมดวาระในปี 2567 พรเพชร กล่าวว่า ปีนี้ก็ทำงานไปจนกว่าจะพ้นจากตำแหน่ง เพราะเป็นหน้าที่ ไม่ใช่ว่าอยากจะเป็นจนไม่ยอมเลิก ซึ่ง สว. เราก็อยากได้กฎหมายดีๆ บางทีเราเป็นประธาน สว. ก็พูดอะไรมากไม่ค่อยได้ นี่คือความลำบากของประธานเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นห่วงเรื่องของข้อกฎหมายระหว่างประเทศ ถ้ารัฐบาลไม่ทำ สิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับการค้าขายระหว่างประเทศ หรือความมั่นคงระหว่างประเทศก็จะไม่ปรากฎชัดเจน