วันที่ 27 ม.ค. 2567 ที่อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กทม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงกรอบเวลาอภิปรายรัฐบาลช่วง เม.ย. รัฐบาลต้องวางแผนอะไรหรือไม่นั้น ว่า ไม่ต้องวางแผนเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านอยู่แล้ว แค่ทำงานแบบการเมืองใหม่ มองว่าตรงไหนมีปัญหาก็เสนอติติงมารัฐบาลยินดีรับฟัง ขณะประชาชนเรายังถือเป็นอันดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองก็ทำหน้าที่ไปไม่มีปัญหา
“ขออย่างเดียวให้การเมืองใหม่จริงๆ เอาที่ข้อเท็จจริง ความเหมาะสมหากดำเนินการไปแล้วไม่มีความเหมาะสม รัฐบาลพร้อมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องและเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการตรวจสอบรัฐบาล แต่ต้องตรวจสอบนักการเมืองทุกคน ทั้ง สส. ของรัฐบาลและของฝ่ายค้าน” ภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่ากรอบเวลาที่จะอภิปรายเร็วไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า แล้วแต่ฝ่ายค้าน แต่ความจริงรัฐบาลเพิ่งทำงานได้ 4 เดือน ทำงานบนพื้นฐานที่ไม่มีงบประมาณโดยตรง เราไม่มีเงินแต่เราก็ทำงาน ในการเตรียมโครงสร้างแก้ไขปัญหา เมื่อมีเงินเข้ามาก็จะเร่งดำเนินการ ขอฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ให้เต็มที่และดำเนินการให้เหมาะสม อย่าการเมืองที่มุ่งผลประโยชน์ถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า หรือประโยชน์ของพรรคตัวเอง เรายินดีรับฟัง ความเห็นที่แตกต่างและข้อวิจารณ์ทั้งหมด
เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องระวังในประเด็นไหน ที่จะถูกใช้นำไปอภิปรายหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่เราทำงานอย่างเต็มที่อย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อยอย่างที่นายกฯเคยกล่าวไว้ เรากังวลแค่ว่าจะทำงานให้ดีขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
เมื่อถามว่ายังมั่นใจเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะร่วมลงมติหรือไม่ ภูมิธรรม ตอบกลับสื่อทันทีว่า “ได้ไปให้ที่พรรคหรือไปกินข้าวหรือเปล่า ก็ดูโอเค ทุกอย่างเข้าใจกัน” ความรู้สึกทุกคนมาด้วยความรู้สึกร่วมกันว่ามีปัญหาที่ต้องเข้ามาช่วยกันแก้ไขให้ประเทศชาติ วันนี้หน้าที่ของเราคือร่วมกันทำงาน แล้วทำให้ประเทศหลุดพ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ดังนั้นตนจึงอยากเชิญชวนทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ทำหน้าที่ตรวจสอบให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ แต่ไม่ใช่ ทำให้สะดุดหรือชะงัก เพราะประเทศเสียหายมามากแล้ว ขอให้โอกาสรัฐบาลได้ทำ ถ้าเราทำงานไม่ดีอีก 4 ปีท่านก็สามารถตัดสินเราได้
ภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีที่ ยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ถูกตำรวจควบคุมตัวจากทำเนียบรัฐบาลในคดีเดียวกับ ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ว่าก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ ซึ่งรัฐบาลเองก็สนับสนุนให้มีการปราบปรามเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วเพราะคั่งค้างมานาน กระทบกระเทือนกับการทำงานของหน่วยงานราชการต่างๆ และจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ระบบด้วย ก็อยากให้หายไปมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถขับเคลื่อนไปได้
"กระบวนการยุติธรรมก็ว่าไปเลยครับ ไปถึงตรงไหน สรุปว่าอย่างไร ก็รับผิดชอบไปตามกระบวนการ ไม่มีใครเข้าไปแทรกแซง แล้วเราพยายามผลักดันให้เต็มที่" ภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่าการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองจะต้องมีการระมัดระวังมากขึ้นกว่านี้หรือไม่นายภูมิธรรมกล่าวว่าโดยปกติเราก็ตรวจสอบอยู่แล้ว แต่บางทีก็มีบางส่วนที่อาจอยู่กับชาวบ้าน จึงทำให้ตรวจสอบยาก แต่ในขณะนี้ในแง่ของรัฐมนตรีก็ดี หรือตำแหน่งอื่นก็ดี ก็มีส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบ ถ้ามีปัญหาอย่างไรก็จะจัดการ แต่ทีนี้บางคน ที่ผ่านมาอาจจะตรวจสอบพฤติกรรมไม่เห็น แต่หากเขาดำเนินการอะไรที่ผิดพลาด อยู่กับอำนาจหรือผลประโยชน์ก็ต้องดำเนินการ
เมื่อถามว่าในส่วนของข้าราชการประจำก็ดูเหมือนจะมีมูลเพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีนักร้องไปร้อง ภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่อยากให้สรุปว่ามีมูลหรือไม่มีมูล ไม่ได้คิดว่าจะต้องปรักปรำหรือไม่ ถ้าพบว่ามีปัญหาอย่างใด ก็จะจัดการทันที มันเป็นไปได้ทั้งนั้น เรื่องแบบนี้ไม่อยากให้มีการคาดการณ์ข้อเท็จจริง ตนจึงหวังว่าทุกฝ่ายจะทำตรงนี้ให้ดีขึ้นตามกฎหมาย
ภูมิธรรม ยังย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องส่วนบุคคล บุคคลไหนมีปัญหาก็ต้องดำเนินการ พรรครัฐบาลพรรคฝ่ายค้านทั้งหมดก็มีปัญหา ก็มีการละเมิดมีการผิดกฎหมายต่างๆ ทุกอย่างก็ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน
ส่วนจะต้องมีการกำชับพรรคร่วมหรือไม่นั้น ภูมิธรรม มองว่า ไม่ต้องกำชับ เรื่องนี้ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต้องดำเนินการ ผิดมากระบวนการยุติธรรมก็ไม่ปล่อยไว้