นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา หรือ ส.ว. ยืนยันว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.ไม่สามารถยื่นญัตติต่อที่ประชุมรัฐสภาเพื่อตรวจสอบการสรรหา ส.ว.ได้ โดยเฉพาะญัตติที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ว.ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องใช้ช่องทางอื่นในการดำเนินการเพราะในรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เกี่ยวกับการตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส. และ ส.ว. กำหนดไว้ว่าหากอยู่ในขั้นตอนการคัดเลือก หรือสรรหา รวมถึงการสมัครรับเลือกตั้ง จะเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ในการวินิจฉัย แต่เมื่อกระบวนการทั้งหมดผ่านพ้นมาแล้วและอยู่ในขั้นของรัฐสภาทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
โดยการตรวจสอบตาม มาตรา 82 ให้อำนาจสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยกันเอง ส่วนสมาชิกวุฒิสภาจะตรวจสอบในส่วนของสมาชิกวุฒิสภา โดยต้องเข้าชื่อไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของแต่ละสภา และเมื่อตรวจสอบแล้ว หากประธานของทั้งสองสภาเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีมูล จะส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยในที่สุด ส่วนญัตติในการยื่นตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในการสรรหา ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคุณสมบัติ สามารถตรวจสอบได้ว่าใช้งบประมาณไปจำนวนเท่าใด โดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ กกต. สามารถตรวจสอบกับ กกต.ได้ในฐานะผู้ใช้เงิน
นายพรเพชร ย้ำว่า การยื่นญัตติของ ส.ส.ในครั้งนี้ จะไม่ทำให้การทำงานของ ส.ว.สะดุด เนื่องจากเป็นเพียงข้อกล่าวอ้างและยังไม่แน่ชัดว่าสภาจะรับไว้พิจารณาในประเด็นใด และญัตติดังกล่าวไม่สามารถนำไปเชื่อมโยงถึงขั้นตอนที่ ส.ว.ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมาได้ เป็นเรื่องที่ไกลเกินไป อีกทั้งจะไม่กระทบกับสิ่งที่ ส.ว.ได้ใช้อำนาจโหวตเลือกนายกฯที่ผ่านพ้นไปแล้ว
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า ส.ว.อาจเข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองนั้น นายพรเพชร ยืนยันว่ายังไม่มีประเด็นเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องของอำนาจหน้าที่ แต่อาจต้องไปดูที่ประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรม การพูดขณะนี้เป็นเพียงการพูดแบบลอยๆ และเป็นเพียงการกล่าวหาเท่านั้น