ไม่พบผลการค้นหา
Day Break - LGBT ไต้หวันจดทะเบียนสมรสได้แล้วชาติแรกในเอเซีย - Short Clip
World Trend - ​Google จ่ายค่าแรง 'ผู้ชาย' น้อยกว่า 'ผู้หญิง' - Short Clip
World Trend - 'ญี่ปุ่น' ครองแชมป์พาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดในโลก - Short Clip
World Trend - จีนจัดเรตติ้งพฤติกรรมประชาชนในปี 2021 - Short Clip
ไทยตามหลังมาเลเซีย-เวียดนามในดัชนีนวัตกรรมโลก
World Trend - วิธีสร้างนิสัยดูแลสุขภาพฟันของลูก - Short Clip
World Trend - แอปเปิลปลดพนักงานพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ 200 คน - Short Clip
World Trend - GM ติดตั้งระบบตรวจจับพฤติกรรมการฟังของผู้ใช้รถ - Short Clip
World Trend - อียูจัดระเบียบเบอร์เกอร์ เปลี่ยนชื่อเมนูไร้เนื้อ - Short Clip
World Trend - เยอรมนี เปิดตัวรถไฟไฮโดรเจนขบวนแรกของโลก - Short Clip
World Trend - มาดริดแบนสกูตเตอร์ไฟฟ้าบนทางเท้า - Short Clip
World Trend - 'ฟาร์มไก่มีจริยธรรม' เทรนด์บริโภคไข่ของวันนี้ - Short Clip
World Trend - ​อังกฤษขอเลื่อนเบร็กซิตเป็น 30 มิ.ย. - Short Clip
World Trend - ราคาอินเทอร์เน็ตอังกฤษแพงกว่าอินเดีย 25 เท่า - Short Clip
World Trend - 'แมคโดนัลด์' วางแผนลดยาปฏิชีวนะในเนื้อวัว - Short Clip
World Trend - ชาวต่างชาติในจีนส่งลูกเรียนรร.รัฐมากขึ้น - Short Clip
World Trend - นาริตะเริ่มใช้ระบบจดจำใบหน้าผู้โดยสาร - Short Clip
World Trend - ​130 แบรนด์ จับมืออาลีบาบาต้านสินค้าปลอม - Short Clip
World Trend - LGBTQ เกินครึ่งกลัวการ 'เปิดตัว' จะทำร้ายอาชีพการงาน - Short Clip
World Trend - เนสท์เล่ปิดดีล 2 แสนล้าน ขายกาแฟสตาร์บัคส์ - Short Clip
World Trend - ชาวอเมริกันต้องขอวีซ่ายุโรปในปี 2021 - Short Clip
Mar 11, 2019 05:19

คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศ ชาวอเมริกันต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อเดินทางเข้ายุโรป เริ่มต้นปี 2021 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มศักยภาพในการตรวจสอบนักเดินทาง และยกระดับความปลอดภัยระหว่างประเทศ

เว็บไซต์ ThisIsInsider รายงานว่า คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศกฎใหม่ที่จะบังคับให้ในอีกสองปีข้างหน้า ชาวอเมริกันผู้ที่ถือสัญชาติอเมริกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกคนมีความจำเป็นจะต้องขอวีซ่าเพื่อการเดินทางสำหรับท่องเที่ยวในภูมิภาคยุโรป โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2021 เป็นต้นไป แทนที่กฎเดิมในปัจจุบัน ซึ่งชาวอเมริกันที่ต้องการไปท่องเที่ยวในยุโรปไม่เกิน 90 วัน ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าใด ๆ โดยคณะกรรมาธิการยุโรประบุไว้อย่างชัดเจนว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการตัดสินใจเพื่อยกระดับความปลอดภัยระหว่างประเทศ

วีซ่าชนิดนี้เป็นเสมือนระบบการตรวจสอบที่มีชื่อเรียกว่า ETIAS ย่อมาจาก European Travel Information and Authorization System โดยจะเป็นวีซ่าที่อนุญาตให้ชาวอเมริกันสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ใน 22 ประเทศของสหภ��พยุโรปที่จัดอยู่ใน ‘กลุ่มเชงเกน’ ซึ่งประกอบไปด้วย ออสเตรีย เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก ลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย โปแลนด์ สโลวาเกีย ฮังการี สโลวีเนีย อิตาลี กรีซ สาธารณรัฐเช็ก และมอลตา

วิธีการขออนุมัติจาก ETIAS ไม่ได้มีความยุ่งยากมากนัก โดยนักท่องเที่ยวสามารถยื่นขอผ่านช่องทางออนไลน์ได้ จากนั้นจ่ายค่าธรรมเนียมผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิต และพรินต์เอกสารออกมาเองได้เลย โดยวีซ่า ETIAS มีอายุยาวนาน 3 ปี ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันสามารถเดินทางเข้ายุโรปได้หลายครั้งในรอบ 3 ปี อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าชนิดนี้หากจะเดินทางไปเที่ยวอังกฤษ เพราะอังกฤษไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศเชงเกนอยู่แล้วตั้งแต่ต้น และไม่มีแผนการเข้าร่วมในอนาคต

ด้านเว็บไซต์ TravelerWifi ได้ให้คำอธิบายถึง ETIAS ไว้อย่างเข้าใจง่าย ซึ่งสอดคล้องกับเว็บไซต์ทางการของ ETIAS ไว้ว่า "ETIAS คือระบบใหม่ที่ออกแบบเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการรวบรวม ติดตาม และอัปเดตข้อมูลที่จำเป็นของนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องขอรับวีซ่าเข้าพื้นที่เชงเกน ในขณะเดียยวกัน ระบบนี้ก็สร้างขึ้นเพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาที่ต้องรอคอยในการขออนุญาตท่องเที่ยวในยุโรปและเชงเกน ยังร่วมด้วยการตรวจสอบความปลอดภัยที่รวดเร็วและละเอียด ในการระบุและป้องกันตัวตนผู้ที่อาจเป็นอันตรายในพื้นที่เชงเกน"

ส่วนคำว่า 'เชงเกน' ที่เรากล่าวถึงกันอยู่นั้น ก็หมายถึงกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรปที่ทำการตกลงร่วมกันเพื่ออนุญาตให้นักเดินทางไม่ต้องขอวีซ่าในการเดินทางเข้าออกประเทศที่อยู่ในกลุ่มนี้ สามารถเดินทางท่องเที่ยวหรือทำงานได้อย่างมีอิสระ นักท่องเที่ยวจากนอกสหภาพยุโรปที่ต้องการเดินทางเข้าไปก็สามารถขอวีซ่าเพียงครั้งเดียวในการเข้าไปยังเขตประเทศเชงเก้น แต่ปัจจุบันมี 6 ประเทศของอียูที่ยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเชงเกน ประกอบไปด้วย อังกฤษ โครเอเชีย บัลแกเรีย ไซปรัส ไอร์แลนด์ และโรมาเนีย ซึ่งบางประเทศกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนของกฎหมายเพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเชงเกนในอนาคต 

แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ คือประชาชน ที่ไม่ต้องวุ่นวายของเอกสารกันซ้ำซ้อนหากมีแผนการเดินทางไปในหลายประเทศ ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและการจัดการบริเวณชายแดนอย่างมีระบบ ส่งเสริมนโยบายการขอวีซ่าเสรีในสหภาพยุโรป ลดอัตราการเกิดอาชญกรรมและการก่อการร้าย อีกทั้งยังลดจำนวนการอพยพอย่างผิดปกติอีกด้วย

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี 2017 ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรปพยายามคิดไตร่ตรองอยู่หลายครั้งว่าจะผลักดันให้กฎการขอวีซ่า ETIAS ของชาวอเมริกันให้ถูกบังคับใช้ดีหรือไม่ เนื่องจากทางฝั่งสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ มีข้อพิพาทกันอยู่ในเรื่องของการให้สิทธิประเทศต่าง ๆ เดินทางเข้าออกประเทศ เนื่องจากสหรัฐกำหนดให้สมาชิกของสหภาพยุโรป หรือ อียู 5 ประเทศ ได้แก่ บัลแกเรีย โครเอเชีย โปแลนด์ โรมาเนีย และไซปรัส จำเป็นต้องขอวีซ่าหากต้องการจะเดินทางเข้าไปในสหรัฐฯ ทั้งที่ประเทศสมาชิกของอียูประเทศอื่นนั้นไม่จำเป็นต้องขอแต่อย่างใด

ในปี 2017 ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการยุโรปจึงได้ออกรายงานฉบับแรกอย่างเป็นทางการเพื่อที่จะเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐฯ มอบสถานะ "Visa Free" ให้กับทั้ง 5 ประเทศนี้ แลกกับการที่อียูจะให้ชาวอเมริกันเดินทางเข้ามายังกลุ่มประเทศเชงเกนโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ต่อไป เพราะตามจริงแล้ว ระเบียบการของสหภาพยุโรปนั้นกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าสมาชิกทุกประเทศต้องได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน ท้ายที่สุดรัฐสภายุโรปจึงได้มีการลงมติในเดือนมิถุนายน 2018 เห็นชอบให้คณะกรรมาธิการยุโรปดำเนินการประกาศมาตรการกำหนดให้ชาวอเมริกันต้องขอวีซ่า ETIAS หากต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน 22 ประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้ระบบ ETIAS จะเพิ่งมีขึ้นเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา แต่สหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศแรก ๆ ที่ถูกบังคับให้ต้องขอวีซ่าชนิดนี้เพื่อเดินทางเข้ามายังกลุ่มประเทศเชงเกน โดยเว็บไซต์ EtiasVisa ระบุไว้ว่าปัจจุบันมี 60 ประเทศทั่วโลกที่ต้องของการอนุมัติจาก ETIAS ก่อนจึงจะสามารถเดินทางเข้ากลุ่มประเทศเชงเกนได้ เนื่องจากทั้ง 60 ประเทศที่ว่านี้ไม่ต้องขอวีซ่าแบบปกติเพื่อเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ระบบ ETIAS จึงเป็นระบบการคัดกรองที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการตรวจสอบที่มาที่ไปและจุดประสงค์การเดินทางของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการตรวจสอบเท่านั้น


Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
184Article
76559Video
0Blog