ภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากกรณีร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในแนวเส้นทางก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เพราะก่อนหน้านี้ มีการกว้านซื้อที่ดินและปรับราคาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเพื่อรอการขาย แต่เมื่อมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ อาจทำให้ราคาที่ดินเหล่านี้ปรับลดลงมากกว่าร้อยละ 50
ราคาอสังหาริมทรัพย์ตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก ซึ่งเป็นเส้นทางที่รถไฟฟ้าความเร็วสูงจะพาดผ่าน ตามแผนการลงทุน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาล ปรับสูงขึ้นไปรอก่อนหน้าและพร้อมขายเมื่อโครงการลงทุนภาครัฐมีความชัดเจน แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดกฎหมาย ทำให้ โครงการเหล่านี้มีความเสี่ยงเกิดภาวะฟองสบู่
แต่สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผลกระทบยังไม่มาก เพราะผู้ประกอบการสามารถพัฒนาโครงการได้ตามปกติ เนื่องจากมีรถไฟฟ้าในเมือง
ผลที่ออกมา ทำให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเกิดความล่าช้า อาจทำลายฝันของนักเก็งกำไร จากราคาที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่มีโอกาสปรับลดลงมากกว่าร้อยละ 50 แต่ในความเป็นจริง การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า และระบบคมนาคมขนส่ง หรือมีความชัดเจนในตัวโครงการของรัฐแล้วเท่านั้น ทำให้บางรายที่อยู่ในขั้นการวางแผนพัฒนาโครงการ ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
เมื่อแผนลงทุนของภาครัฐล่ม แต่ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระยะนี้ได้ประโยชน์ จากการระบายสินค้าในโครงการออกจากมือผู้ประกอบการ รวมถึงราคาที่ดินที่ปรับลดลง ประกอบกับ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วยให้ภาระการชำระหนี้ของผู้บริโภคลดลง
ส่วนปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กระทบยอดการทำธุรกรรมและซื้อที่ดินช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาชะลอตัว แต่เชื่อว่าในไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ หากสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย การทำธุรกรรมดังกล่าวจะกลับมาเป็นปกติ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ที่มีตัวเลขการทำธุรกรรมที่ดินกว่า 6 ล้านรายการ มูลค่ารวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท