ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - วิจัยยืนยัน สมาร์ตโฟนแอบเก็บข้อมูลผู้ใช้จริง - Short Clip
World Trend - นินเทนโดเตรียมเปิดหน้าร้านแรกในญี่ปุ่น - Short Clip
World Trend - หัวเว่ยซุ่มผลิตสมาร์ตโฟนพับได้ - Short Clip
World Trend - แอปเปิลเปิดตัวแมคบุ๊ก 'กรีนที่สุด' - Short Clip
World Trend - แอปเปิลเตรียมเข้าซื้อแร่ 'โคบอลต์' สำหรับผลิตแบตเตอรี่โดยตรงจากเหมือง - Short Clip
World Trend - ZTE รุ่นใหม่ สไลด์ด้านข้างเพื่อเปิดกล้อง - Short Clip
World Trend - พื้นที่สีเขียวในเมืองลดภาวะซึมเศร้าได้- Short Clip
World Trend - 'ยอดรีช' เฟซบุ๊กตกกระทบการตลาดทั่วโลก - Short Clip
World Trend - รถไฟฟ้า Ford วิ่งได้ 600 กม. ต่อ 1 ชาร์จ - Short Clip
World Trend - Techsauce จัดงานเทคโนโลยีใหญ่สุดในอาเซียน - Short Clip
World Trend - ‘ครูหุ่นยนต์’ ช่วยสอนในโรงเรียนอนุบาลจีน - Short Clip
World Trend - 'iOS 12' เผยข้อมูลไอแพดโปรรุ่นใหม่มาแน่ - FULL EP.
World Trend - ผลิตพลังงานทางเลือกจาก ‘แรงโน้มถ่วง’ - Short Clip
World Trend - Google Maps AR เริ่มใช้งานได้แล้ว - Short Clip
World Trend - นักวิจัยแนะใช้โซเชียลมีเดียวันละ 30 นาที - Short Clip
World Trend - ผลสำรวจชี้ คนรุ่นใหม่มองชีวิตในแง่ร้าย - Short Clip
World Trend - ถ่ายเซลฟี่แบบ 3D ด้วยมือถือในราคา 16,000 บาท - Short Clip
World Trend - คาด 30 ปีข้างหน้า อากาศโลกจะเปลี่ยนแปลงรุนแรง - Short Clip
World Trend - จีนสั่งแบน Twitch แอปฯ สตรีมอีสปอร์ตยอดนิยม  - Short Clip
World Trend - กูเกิลแมปส์อินเดียแจ้งส่วนลดร้านอาหาร - Short Clip
World Trend - เฟซบุ๊กเตรียมปักธงแจ้งเตือนข้อความจากบัญชีปลอม - Short Clip
Jul 13, 2018 06:12

วิจัยเผย ความเร็วเน็ตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์

ทีมวิจัยนานาชาติ เผยข้อมูลล่าสุดว่าอัตราความเร็วของการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาเพียง 1 ปี 

เอ็มแล็บ (M-Lab) ศูนย์วิจัยที่ก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของกูเกิล มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton) และกลุ่มที่ทำงานเทคโนโลยี เช่น สถาบัน Open Technology Institute ได้ออกมาเผยข้อมูลและจัดอันดับการเติบโตของสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยระบุว่า ในหนึ่งปีที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกกว่า 163 ล้านคน และความเร็วเฉลี่ยของอินเทอร์เน็ตทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 23 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 7.4 เมกะบิตต่อวินาที เป็น 9.1 เมกะบิตต่อวินาที

โดยสิงคโปร์ยังคงครองแชมป์เป็นประเทศที่มีอินเทอร์เน็ตแรงที่สุดในโลกนับจากปี 2017 โดยได้เพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดจากเดิมที่ 55 เมกะบิตต่อวินาที เป็น 60 เมกะบิตต่อวินาที ส่วนจีนที่ได้ชื่อว่าเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของเอเชียตกจากอันดับ 134 มาอยู่ที่อันดับ 141 ด้วยความเร็ว 2.4 เมกะบิตต่อวินาที และประเทศที่อินเทอร์เน็ตช้าที่สุดในโลกคือ ซีเรีย และโซมาเลีย ที่ดาวน์โหลดได้เพียง 1 เมกะบิตต่อวินาทีเท่านั้น

สำหรับในประเทศไทย เอ็มแล็บระบุว่า ความเร็วอินเทอร์เน็ตแรงเป็นอันดับที่ 40 ของโลก ด้วยความเร็วในการดาวน์โหลดเฉลี่ย 17.06 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งเลื่อนลงมาจากอันดับที่ 29 ของโลกเมื่อปีที่แล้ว ที่มีความเร็วเฉลี่ย 16.85 เมกะบิตต่อวินาที ต้องติดตามกันต่อไปว่า คนไทยจะได้ใช้เทคโนโลยี 5 จี และอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นในปีหน้าหรือไม่

เฟซบุ๊กเตรียมปักธงแจ้งเตือนข้อความจากบัญชีปลอม

เฟซบุ๊ก ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียรายใหญ่ของโลก เตรียมนำฟีเจอร์แจ้งเตือนข้อความที่เป็นข่าวปลอมและบัญชีผู้ใช้ปลอมมาไว้ในแอปพลิเคชันเมสเซนเจอร์แล้ว ซึ่งฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่ากำลังคุยอยู่กับบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง หรือหากมีคนแปลกหน้าส่งข้อความมาให้ ระบบก็จะแจ้งเตือนให้ทราบ พร้อมข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบัญชีนั้น โดยเฟซบุ๊กหวังว่าฟีเจอร์นี้จะช่วยป้องกันผู้ใช้งานจากการคุกคามของเหล่าแฮกเกอร์และสแกมเมอร์ผ่านเมสเซนเจอร์ ซึ่งตอนนี้เฟซบุ๊กกำลังทดสอบฟีเจอร์นี้อยู่ และคาดว่าจะปล่อยอัปเดตให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้ใช้งานเร็ว ๆ นี้

อีกฟีเจอร์ที่เฟซบุ๊กเตรียมปล่อยออกมาคือ ฟีเจอร์ AR ads ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถชมโฆษณาบนเฟซบุ๊กได้สมจริงมากขึ้นผ่านเทคโนโลยีเออาร์ โดยเฟซบุ๊กได้ทำตัวอย่างโฆษณาแว่นตา ที่ผู้ใช้งานสามารถกดลองแว่นหลากหลายสไตล์ได้จากหน้านิวส์ฟีดโดยตรง คล้ายกับฟิลเตอร์บนแอปพลิเคชันสแนปแชตหรืออินสตาแกรม โดยเมื่อเดือนที่แล้ว เฟซบุ๊กได้เพิ่มฟีเจอร์บนอินสตาแกรม ให้บางแบรนด์สามารถแปะสติกเกอร์ที่ลิงก์ไปยังเว็บที่ขายสินค้าชิ้นนั้นได้ ซึ่งตอนนี้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้แล้วตั้งแต่วันนี้

Lockbox ตัวจัดการพาสเวิร์ดในเบราว์เซอร์ Firefox

โมซิลลาร์ ผู้ให้บริการ ไฟร์ฟ็อกซ์ เว็บเบราว์เซอร์สำหรับท่องโลกอินเทอร์เน็ต ประกาศว่า Test Pilot Experiment ทีมนักทดลองของบริษัท ได้ทำการทดสอบแอปพลิเคชัน 'ล็อกบ็อกซ์ (Lockbox)' ซึ่งเป็นระบบจัดการรหัสผ่านสำหรับผู้ใช้งานเบราเซอร์ไฟร์ฟ็อกซ์บนระบบปฏิบัติการไอโอเอสโดยเฉพาะ

โดยล็อกบ็อกซ์จะเก็บรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้งานบัญชีต่าง ๆ ของผู้ใช้ไว้ในที่เดียว เมื่อผู้ใช้ต้องการเข้าใช้งานแอปฯ ที่ตั้งค่าไว้ ระบบจะทำการล็อกอินให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้จะต้องมีบัญชีของเบราว์เซอร์ไฟร์ฟ็อกซ์ไว้สำหรับล็อกอินเข้าใช้งานแอปฯ คล้ายกับฟีเจอร์ iCloud Keychain ของแอปเปิลที่ใช้เก็บรหัสผ่านของเบราว์เซอร์ Safari

นอกจากนี้ ล็อกบ็อกซ์ ยังรองรับการทำงานร่วมกับระบบการระบุตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพ ทั้งการสแกนใบหน้าแบบ Face ID และสแกนลายนิ้วมือแบบ Touch ID อีกด้วย // ขณะนี้ ล็อกบ็อกซ์เปิดให้บริการแค่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น คาดว่าจะรองรับภาษาอื่นทั่วโลกเร็ว ๆนี้

Source

YouTube/Firefox

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
184Article
76559Video
0Blog