ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - ​ฝรั่งเศสขึ้นภาษี กูเกิล-แอปเปิล-เฟซบุ๊ก-แอมะซอน - Short Clip
World Trend - Benz เปิดตัวรถ G-Class สไตล์วินเทจ - Short Clip
World Trend - ฮ่องกงเช็กระบบช่วยคนแก่-คนพิการข้ามถนน - Short Clip
World Trend - ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส งดจ่ายโบนัส-ให้จับสลากลุ้นโชคแทน - Short Clip
World Trend - ในอีก 2 ปี 83% ของงานองค์กรจะอยู่ใน 'คลาวด์' - Short Clip
World Trend - ธุรกิจกัญชาบูม มีแรงงานมากกว่าสาธารณสุข - Short Clip
World Trend - เบนซ์จับมือเครือโรงแรมดังตั้งจุดชาร์จรถยนต์ - Short Clip
World Trend - ญี่ปุ่นปรับปรุงโรงแรมรองรับคนพิการก่อนโอลิมปิก - Short Clip
World Trend - ญี่ปุ่นเล็งนำหุ่นยนต์เอไอมาสอนภาษาอังกฤษ - Short Clip
World Trend - Huawei ครองยอดขายสูงสุดในตลาดสมาร์ตโฟน - Short Clip
World Trend - Volvo จำกัดความเร็วรถ 180 กม./ชม. - Short Clip
World Trend - Samsung พัฒนาสมาร์ตโฟนพับหน้าจออีก 2 รุ่น - Short Clip
World Trend - คาดปีนี้ 'อีสปอร์ต' โกยรายได้เฉียด 3 หมื่นล้าน - Short Clip
World Trend - Intel ใช้โดรนช่วยบูรณะกำแพงเมืองจีน - Short Clip
World Trend - Instapaper ซื้อคืนกิจการจาก Pinterest - Short Clip
World Trend - ซาอุดีฯ เตรียมเปิดโรงหนังในรอบ 35 ปี - Short Clip
World Trend - ผู้บริโภคเกาหลีแบนสินค้าญี่ปุ่น - Short Clip
World Trend - หัวเว่ย ยอดขายพุ่ง 15 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งปีแรก - Short Clip
World Trend - UN แนะ 25 นโยบายลดมลพิษอากาศในเอเชีย - Short Clip
World Trend - Google มองว่าช่องเสียบหูฟังยังจำเป็น - Short Clip
World Trend - สหราชอาณาจักรเตรียมติดตั้งเน็ตความเร็วสูงทุกครัวเรือนในปี 2033- Short Clip
Jul 26, 2018 06:31

สหราชอาณาจักรเตรียมติดตั้งเน็ตความเร็วสูงทุกครัวเรือนในปี 2033

สหราชอาณาจักรเตรียมติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสายไฟเบอร์ให้ครอบคลุมทุกครัวเรือน ภายในปี 2033 หลังจากที่ความเร็วการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตยังตามหลังหลายประเทศในสหภาพยุโรป 

สหราชอาณาจักรวางเป้าหมายจะให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในทุกครัวเรือนทั่วประเทศ ภายในปี 2033 โดยในการดำเนินการครึ่งแรก ภาครัฐจะติดตั้งสายไฟเบอร์ ที่ส่งสัญญาณเร็วกว่าเส้นลวดทองแดง ให้กับประชาชนใน 15 ล้านครัวเรือนภายในปี 2025

อย่างไรก็ตาม การส่งสัญญาณผ่านไฟเบอร์ควบคู่กับลวดทองแดงพร้อมกันนั้น จะทำให้การส่งสัญญาณไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น สหราชอาณาจักรจึงออกคำสั่งให้มีการติดตั้งสายไฟเบอร์เข้าไปในบ้านสร้างใหม่ด้วย นอกจากนั้น ภาครัฐยังทุ่มเงินเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนในการติดตั้งสายไฟเบอร์ไปยังพื้นที่ชนบทกว่า 3 - 5 ล้านปอนด์ หรือราว 219 ล้านบาท

ปัจจุบัน ความเร็วอินเทอร์เน็ตของสหราชอาณาจักรอยู่ในอันดับที่ 34 ของโลก โดยมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์เพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เมื่อเทียบกับประเทศอื่นสหภาพยุโรป อย่างในโปรตุเกสที่ใช้อินเทอร์เน็ตไฟเบอร์มากถึง 89 เปอร์เซ็นต์ และสเปนที่ 71 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่บางประเทศฝั่งเอเชียมีการใช้อินเทอร์เน็ตไฟเบอร์มากกว่าสหภาพยุโรปเสียอีก เช่น ญี่ปุ่นมีการใช้อินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ถึง 97 เปอร์เซ็นต์ และในเกาหลีใต้ที่ 99 เปอร์เซ็นต์

โดยก่อนหน้านี้ สหราชอาณาจักรเคยมีมาตรการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งการศึกษาล่าสุดจากภาครัฐยังพบว่า หากรัฐบาลไม่ลงทุนตั้งแต่ระดับนโยบายอย่างจริงจัง การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟเบอร์จะเข้าถึงประชาชนได้เพียง 75 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และต้องใช้เวลากว่า 20 ปีถึงจะทำสำเร็จ

อเมริกันแอร์ไลน์ส สแกนกระเป๋าผู้โดยสารแบบ 3 มิติ

อเมริกันแอร์ไลน์ส ประกาศความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางการขนส่ง หรือ TSA ในการติดตั้งเครื่องสแกนกระเป๋าเดินทาง ในสนามบิน John F. Kennedy ในนิวยอร์กของสหรัฐฯ ซึ่งเครื่องสแกนรุ่นนี้มีความพิเศษ คือใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับเครื่องซีทีสแกน ที่จะให้ภาพแบบ 3 มิติ ทำให้เห็นสิ่งของที่ผู้โดยสารบรรจุมาในกระเป๋า และตรวจสอบสิ่งของที่ผิดปกติ รวมทั้งของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบินได้ง่ายมากขึ้น โดยจะเริ่มให้บริการในสนามบิน JFK เป็นที่แรกในช่วงปลายเดือนนี้ (ก.ค.)

เครื่องสแกนดังกล่าว จะถูกติดตั้งไว้ที่บริเวณจุดตรวจความปลอดภัยของสนามบินที่เทอร์มินัล 8 โดยเจ้าหน้าที่ TSA จะเป็นคนตรวจกระเป๋า ผ่านการดูรูปสามมิติแบบ 360 องศา ซึ่งช่วยให้เห็นกระเป๋าได้รอบทิศทางโดยไม่ต้องเปิดกระเป๋า ซึ่งเครื่องสแกนนี้ ยังสามารถตรวจจับของเหลว เจล ละอองในอากาศ รวมทั้งแล็ปท็อปที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าได้อีกด้วย 

เจ้าหน้าที่ของ TSA ระบุว่า ภายใน 5 ปี เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้นักเดินทางและเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องเสียเวลาเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจสอบอีกต่อไป โดยเครื่องสแกนนี้มีราคา 3 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 10 ล้านบาท ซึ่ง TSA เตรียมติดตั้งเครื่องสแกนดังกล่าวอีก 15 เครื่องในสนามบินหลายแห่งภายในสิ้นปีนี้ และในปี 2019 จะมีการสั่งซื้อมาเพิ่มอีกกว่า 240 เครื่อง

Detroit Auto Show เปลี่ยนไปจัดเดือน มิ.ย. ในปี 2020

งานแสดงนวัตกรรมรถยนต์ชื่อดังของสหรัฐฯ อย่าง 'นอร์ตอเมริกัน อินเทอร์เนชันแนล ออโต โชว์ (North American International Auto Show)' หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ 'ดีทรอยต์ ออโต โชว์ (Detroit Auto Show)' ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนมกราคม ที่รัฐมิชิแกน ได้ประกาศว่าจะเปลี่ยนไปจัดในเดือนมิถุนายนแทน โดยจะเริ่มในปี 2020 เพื่อให้บริษัทและผู้ผลิตรถยนต์ได้พัฒนาศักยภาพของรถยนต์ให้เต็มที่ ก่อนจะนำมาจัดแสดง

โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มอเตอร์โชว์งานนี้ค่อนข้างซบเซา เพราะผู้ผลิตรถยนต์หันไปทำการตลาดกับผู้ซื้อโดยตรง จึงทำให้ดอจ นอร์ธ (Doug North) ประธานกลุ่มดีลเลอร์งานดีทรอยต์ออโตมองว่า ไม่จำเป็นจะต้องจัดงานตามตารางที่เคยทำมาในทุกปี เพราะสิ่งที่ต้องโฟกัสคือ การหาทิศทางใหม่ในการจัดงานเพื่อไม่ให้กระทบกับงานแบบเดิม และสร้างอีเวนต์ใหม่ ๆ ไม่ให้ซ้ำกับที่มีมาแล้วในอุตสาหกรรม

สำหรับงาน 'ดีทรอยต์ ออโต โชว์' ในปีหน้า ยังคงจะจัดในเดือนมกราคม ระหว่างวันที่ 14 - 27 โดยผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้ปฏิเสธที่จะร่วมงาน เช่น Audi, BMW, Mercedes-Benz ขณะที่หลายแบรนด์ก็ไม่ได้เข้าร่วมงานนี้มาหลายปีแล้ว ต้องมารอติดตามกันต่อไปว่า การเลื่อนไปจัดในเดือนมิถุนายนจะช่วยทำให้งานน่าสนใจมากขึ้นขนาดไหน

Source

GOV.UK

 YouTube/American Airlines

Vimeo/Lacey Ward

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
184Article
76559Video
0Blog