รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 24 เมษายน 2563
“สุดารัตน์” ในฐานะ รมว.สาธารณสุขยุคผลักดัน “บัตรทอง” ขอ “ประยุทธ์” ถ้าไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้สร้าง “บัตรทอง” แต่อย่าทำลาย ขอแถม! ค้านตัดงบสาธารณสุขทั้งที่ตอนนี้ต้องเร่งอุดหนุนสาธารณสุขรับมือไวรัส
“อ.วิโรจน์” ชี้ ถ้ารัฐบาลจะเอางบมาดูแลประชาชน ก็ให้ใช้จากวงเงินกู้ ที่ยังไงรัฐบาลก็ทำอยู่แล้ว ขณะที่ “อนุทิน” รับปากภาคประชาสังคม ไม่ตัดแน่นอน!
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นต่อกรณีการตัดงบบัตรทองและงบกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นงบสำรองฉุกเฉินในการแก้ปัญหาโควิด-19 ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “ขอค้านการตัดงบ บัตรทอง 2,400 ล้านบาท และตัดงบกระทรวงสาธารณสุขอีก 1200 ล้านบาท เพื่อนำไปตั้งเป็นงบสำรองฉุกเฉินนำมาใช้จ่ายแก้ปัญหาโควิด-19”
ในขณะที่ Covid กำลังระบาดแทนที่จะจัดงบเพิ่มให้ รพ. แพทย์ พยาบาล ได้มีกำลังไปต่อสู้กับ covid อย่างเต็มที่ แต่กลับไปตัดงบบัตรทอง ทั้งที่งบในการรักษา และตรวจเชื้อ Covid ก็ต้องเบิกจากงบบัตรทองทั้งสิ้น จึงควรให้งบเพิ่ม เพื่อให้โรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้มีกำลังไปสู้กับ Covid อย่างเต็มที่ แต่รัฐบาลกลับไปตัดงบบัตรทองเฉยเลย
ทั้งที่งบประมาณปี 63 มีสูงถึง 3.2 ล้านล้านบาท มีงบฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็นเร่งด่วนมากมาย ที่ควรตัด ทั้งซื้ออาวุธ สร้างตึกใหม่ ซื้อรถใหม่ อบรมสัมนาดูงาน ฯลฯ แต่กลับเลือกตัดงบประมาณที่มีไว้เพื่อรักษาชีวิตประชาชน ทั้งที่ศัตรูของชาติวันนี้คือ เชื้อโรคตัวเล็กๆ ที่ใช้รถถัง เรือดำน้ำไปปราบไม่ได้นะคะ การตัดงบบัตรทองในครั้งนี้จะทำให้ รพ. ต่างๆทั่วประเทศ ประสบปัญหามากขึ้น ในขณะที่การระบาดCovid ได้ทำให้ภาระของรพ. มากขึ้นอยู่แล้ว
งบประมาณก็ไม่เพียงพอ อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือต่างๆ ก็ขาดแคนแม้แต่หน้ากากอนามัย ชุด PPE สำหรับแพทย์ พยาบาล แต่ละรพ. ก็ต้องขอรับบริจาคกันเอาเอง ตั้งแต่เริ่มต้นของการระบาดจนถึงปัจจุบันก็ยังขาดแคลนอยู่ ดิฉันขอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องการตัดงบบัตรทอง และงบของกระทรวงสาธารณสุข รวม 3,600 ล้านบาทท่านอาจจะไม่ใช่ที่คนสร้างให้เกิดนโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค” แต่ได้โปรดอย่าเป็นผู้ทำลายโครงการที่ช่วยรักษาชีวิตและสุขภาพของคนไทยเลย
ขณะที่ วันนี้ ( 24 เม.ย.63) กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ นำโดยนายนิมิตร์ เทียมอุดม และนายสมชาย กระจ่างแสง เข้าพบและยื่นหนังสือถึงต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอยู่ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บอร์ด สปสช. เพื่อคัดค้านกรณีรัฐบาลจะตัดงบประมาณ สปสช. หรือ บัตรทอง 2,400 ล้านบาท เพื่อเกลี่ยให้มาอยู่ในงบกลาง สำหรับรับมือกับโควิด-19 และส่งหนังสือให้ถึงนายกรัฐมนตรีด้วย ในเหตุผล 2 ข้อคือ
1.งบบัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาทคือเงินในส่วนค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 49 ล้านคน เป็นรายจ่ายประจำที่เป็นไปเพื่อการจัดสวัสดิการแห่งรัฐหรือค่าใช้จ่ายรายหัวตามสิทธิพื้นฐานจากการบริการของรัฐที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน อันเป็นหลักการสำคัญที่จะไม่นำงบประมาณส่วนนี้ไปจัดทำร่าง พ.ร.บ. โอนงบประมาณ
ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลและการรักษาผู้ป่วย ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการสัมมนาหรือฝึกอบรม หากดึงออกไปจะกระทบกับโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศและคุณภาพในการรักษาผู้ป่วยโดยรวม
2.ภายใต้วิกฤติโควิด -19 ที่ประชาชนเข้าโรงพยายาลน้อยลง เพราะได้รับคำแนะนำให้ชะลอการเข้ารับการรักษาพยาบาล อีกทั้งมีมาตรการเพื่อลดความแออัดรองรับกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่า ภาระโรคหรือภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของประชาชนจะลดน้อยลงไป
นายนิมิตร์ กล่าวหลังการเข้าพบนายอนุทิน ว่า พอใจการพูดคุยวันนี้ ที่ผู้รับผิดชอบตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจว่า ยังไงเสียก็ไม่อยากให้มีการโอนเงินจาก "บัตรทอง" ไป ส่วนจะไปหาเงินที่ไหนมาจ่าย นายอนุทินกับทางปลัดกระทรวง จะต้องไปเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ ซึ่งภาคประชาชนจะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้และจะดูว่าโอนเข้างบกลางไปจริงเท่าใด แต่เบื้องต้นได้ข้อสรุปเป็นหลักการร่วมกันคือ ในไตรมาสที่ 3 และ 4 เงินสมทบรายหัวในบัตรทอง จะไม่ถูกแตะต้อง ยังจะได้รับจำนวนเท่าเดิม เพื่อไม่ให้กระทบกับสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการรักษาพยาบาล