ไม่พบผลการค้นหา
ประธานบอร์ด​กรุงเทพธนาคมเผย ที่ประชุม​หารือรายละเอียดสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกฉบับ หาช่องทางเจรจาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด เตรียมเชิญผู้ว่าฯกทม.รับฟังข้อเสนอของบอร์ด​ฯ วันที่ 2 ก.ค.นี้

วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ถนนรามคำแหง ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เปิดเผยภายหลังการประชุมกรรมการบริษัท (บอร์ดบริษัทฯ) ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาข้อสัญญาต่างๆ ที่กรุงเทพธนาคม (เคที) ได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือบีทีเอส ในการเดินรถไฟฟ้า ซึ่งในส่วนของสัญญาสัมปทานนั้นเป็นไปตามข้อกฎหมายถูกต้องไม่มีประเด็นข้อสงสัย โดยในที่ประชุมได้ให้ความสำคัญต่อการทำสัญญาส่วนต่อขยายส่วนที่ 1 ช่วงสถานีสะพานตากสิน - บางหว้า และช่วงสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่งมีการจ้างเดินรถผูกพันเป็นระยะเวลายาวนาน 30 ปี (ปี 2555 – 2585) ซึ่งที่ผ่านมาในช่วง 10 ปีถึงปัจจุบันในปี 2565 จะพบว่ามีข้อเท็จจริงหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป เช่น โรคโควิด-19 สภาพเศรษฐกิจโลก วิถีชีวิต ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขต่างๆ ที่เคยตกลงหรือเข้าใจในข้อสัญญานั้นเปลี่ยนแปลงไปด้วย เช่นควรจะมีการทบทวน เช่น ตัวเลขค่าบริการ ที่เทคโนโลยีต่างๆพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น เดิมใช้เงินสดซึ่งมีกระบวนการจัดการทางการเงินยุ่งยาก ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทำให้  สะดวกรวดเร็วขึ้น เป็นต้น รวมทั้งพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างรอบคอบ

ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง กล่าวต่อว่า สำหรับส่วนต่อขยายที่2 ช่วงสถานีหมอชิต-คูคตและสถานีแบริ่ง-เคหะสมุทราปราการ ซึ่งออกไปนอกพื้นที่กทม. โดยมีเส้นทางไปถึงจังหวัดปทุมธานีและสมุทรปราการ ถือเป็นเรื่องระดับนโยบายที่เกินขอบเขตหน้าที่ของกรุงเทพมหานครและกรุงเทพธนาคม  ซึ่งตั้งแต่เริ่มต้นโครงการนี้ดำเนินการก่อสร้างโดยการรถไฟฟ้าโดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ที่มีภารกิจในการดำเนินการเรื่องรถไฟฟ้าทั่วประเทศ แต่ต่อมาก็มีประเด็นปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อเดินทาง ระหว่างรถไฟฟ้าที่ดำเนินการโดยรฟม. กับบีทีเอสไม่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างสะดวก เชื่อมต่อไม่สนิท ซึ่งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องในขณะนั้นก็ได้มีการโยกโครงการรถไฟฟ้าส่วนนี้มาให้กรุงเทพมหานคร เนื่องจากโดยสภาพเป็นโครงสร้างในเส้นทางสายเดียวกัน เพื่อให้การเดินทางเชื่อมต่อกันได้สะดวก ซึ่งกทม.ก็ได้รับโครงสร้างรถไฟฟ้ามาพร้อมกับหนี้สิ้น ในเรื่องนี้ก็ได้ให้โจทย์กับทางคณะกรรมการไปเพื่อไปดูตัวเลขต่างๆ ให้ตกผลึกและนำกลับมาพูดคุยอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2565 นี้  และมีความเป็นไปได้ว่าจะเรียนเชิญผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ของกรุงเทพธนาคม เข้ามารับฟังรายละเอียดจากทางคณะกรรมการบริษัทซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านกฎหมาย ด้านการเงิน ด้านวิศวกรรม  เพื่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ กับทางคณะกรรมการได้โดยตรง

ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง กล่าวในที่สุดว่า คณะกรรมการชุดนี้มุ่งหวังว่าจะทำให้ข้อสัญญาและรายละเอียดต่างๆ เกิดความกระจ่าง คลายความกังวลสงสัยที่อธิบายไม่ได้มายาวนาน สิ่งสำคัญสูงสุดคือประโยชน์สาธารณะร่วมกันโดยที่ทุกฝ่ายอยู่ได้และมีความเป็นไปได้ ในการทำธุรกิจ และประชาชนผู้ใช้บริการได้รับความเป็นธรรม