วันที่ 14 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ภาคธุรกิจมีความเป็นห่วง การตั้งรัฐบาลล่าช้าอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนว่า มีบริษัทหลักทรัพย์ที่รู้จักกันมานาน ที่ประชุมผ่านวิดีโอคอน มี 80 กว่ากองทุนทั่วโลกเข้าร่วม ได้สอบถามปัญหาการเมืองของประเทศไทย หลังพูดคุยหารือกัน 1 ชั่วโมง หลายคนเป็นห่วง โดยเฉพาะความไม่แน่นอนในการตั้งรัฐบาล ที่จะไปสู่การเปลี่ยนผ่านทำให้การลงทุนหยุดชะงัก เขาอยากให้มีการตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ในฐานะที่ตนทำงานในพรรคเพื่อไทย ได้แถลงในเจตจำนงชัดเจน ว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทย คือ อยากให้พรรคการเมือง 8 พรรคที่ทำ mou กัน ร่วมกันตั้งรัฐบาลโดยเร็ว โดยมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ก็จะช่วยแก้ไขและผ่อนคลายปัญหาไปได้เยอะ ทุกอย่างก็จะกลับมาดีขึ้น
อย่างเช่นกรณีกระแสข่าว บ.อีซูซุ จ่อย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทย ก็ยังไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่ แต่ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่ายังไม่ย้าย ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา แต่การเจรจาการค้า FTA เรื่องผลประโยชน์การลงทุน และผู้นำที่จะต้องลงขายดีๆ ให้กับประเทศไทย ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่จะดึงดูดนักลงทุนกลับมา และหากการตั้งรัฐบาลยังไม่เกิดขึ้น หรือล่าช้าไปอีกครึ่งเดือน ก็อาจจะทำให้ ภาคการลงทุนเหนื่อยใจ เพราะมีตัวแปรเปลี่ยนอยู่ตลอด และมีตัวแปรที่จะทำให้ไม่เกิดขึ้นเยอะ ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลของนักลงทุนต่างชาติพอสมควร และหากตั้งรัฐบาลโดยเร็ว การย้ายฐานการผลิต อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ด้วย
ซึ่งตนก็มั่นใจว่า หากรัฐบาลใหม่ ที่มีพิธา เป็นนายกฯ จากที่เห็นผ่านสื่อ ก็ให้ความสำคัญกับการค้าต่างประเทศเยอะ และน่าจะสนับสนุนการลงทุนในประเทศไทยเยอะ หากตั้งรัฐบาลได้ นี่ก็จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องใหญ่ ที่พิธา คงจะทำ
ส่วนการเดินสายไปคุยกับภาคธุรกิจ หลายๆส่วน จะสร้างความมั่นใจให้กับการลงทุนได้หรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าความตั้งใจของว่าที่นายกฯ เป็นเจตจำนงที่ดี ที่จะคุยกับทุกภาคส่วนเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจไทย และจะได้ทราบถึงภาพรวมของ SME และก่อนหน้า ก็ไปที่สภาอุตสาหกรรม และหอการค้าไทยมาแล้ว ทั้งหมดนี้เชื่อว่าคณะทำงาน จะนำเอาข้อมูลไปประกอบการเตรียมตัวตั้งรัฐบาล เมื่อตั้งรัฐบาลได้ หรือเลือกนายกฯได้ก่อน น่าจะเป็นการดึงดูดใจให้กับนักลงทุนไทยอีกครั้ง
และขออย่าคาดการณ์ว่าการเมืองจะเกิดเหตุการณ์อะไร ไม่อยากให้คิดว่า ถ้าอย่างนี้ อย่างนี้ วันนี้ต้องอยู่กับความเป็นจริง และเรายังอยู่ในช่วงจัดตั้งรัฐบาลอยู่ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ 8 พรรคการเมือง ตั้งรัฐบาลได้ แม้จะมีตัวแปร และเหตุการณ์ที่ทำให้ล่าช้าบ้าง แต่ขอให้อยู่กับความเป็นจริงก่อน และยังมั่นใจการตั้งรัฐบาลยังทำได้ และนักลงทุนก็อยากให้การตั้งรัฐบาลนั้นเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะมีเพื่อนนักธุรกิจต่างชาติอยากย้ายฐานการผลิตเข้ามาที่ไทยหลายราย เพียงแต่คอยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มาบริหารจัดการเต็มที่ และออกนโยบายที่ดีที่สุดจริงๆ และตนเชื่อว่า นักธุรกิจทุกคน นักลงทุนในตลาดทุน ก็หวังว่าจะเกิดขึ้นโดยเร็ว
จากนั้น เศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า มีกำหนดการ จะลงที่ ที่ จ.น่าน และ แพร่ เพราะเป็น จ.ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ จ.น่าน ซึ่งตอนนี้ มีปัญหาปลูกไร่เลื่อนลอย และส่งกระทบต่อการผลิตเมล็ดกาแฟ จึงอยากลงไปดู เพื่อหาทางแก้ปัญหา แม้ บัณฑูร ล่ำซำ จะไปทำ "น่านโมเดล" ไว้ แต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะบางเรื่อง ฝังรากลึกมานาน พร้อมกล่าวอีกว่า การไปลงพื้นที่ ไม่ได้จะไปแข่งอะไรกับพิธา แต่อยากลงไปดูปัญหาของคนต่างจังหวัดจริงๆ เพื่อจะได้กลับมาหารือกับ ส.ส.ในพื้นที่ และ การเลือกตั้งอีก 4 ปี ข้างหน้า พรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นที่ 1 จากนั้น เศรษฐา ชูมือเลข 1
ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า กกต.ยังไม่ประกาศรับรองว่าที่ ส.ส. 71 คน ซึ่งมี ส.ส.เพื่อไทยมาประมาณ 20 คนนั้น ต้องให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ