ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ หลังจากมีข่าวว่า คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประกาศผ่านสื่อมวลชนรายการหนึ่งว่า จะไม่เซ็นชื่อในญัติเสนอแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการหมิ่นประมาททุกระดับ ซึ่งรวมถึงการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นกษัตริย์ด้วย
ปิยบุตร ระบุในเชิงหลักการว่า สถาบันทางการเมือง อย่างพรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีความรับผิดชอบโดยตรงที่จะต้องนำข้อเรียกร้องของประชาชนเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกรัฐสภาต่อ จะดำเนินการช้า-เร็ว มาก-น้อย อย่างไรก็ตามแต่ต้องมีการขยับ อย่างน้อยที่สุด เมื่อเห็นคนออกมาชุมนุม ถูกดำเนินคดีขนาดที่ว่า นับห้วงชีวิตอายุของคนคนหนึ่งอาจจะติดคุกยังไม่พอกับจำนวนคดีที่โดน อย่างน้อยๆ 3 ประเด็นข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในปี 2563 ก็ต้องขยับไปในแนวทางนี้
เขาย้ำว่า ถ้า ส.ส. ไม่ขยับเลย จะตอบคำถาม เยาวชน ประชาชน ผู้เป็นอนาคตของประเทศอย่างไร ส.ส. จะเป็นความหวังให้เขาได้อย่างไร ในขณะที่คนจำนวนมากไปเรียกร้อง แต่ถ้าวันหนึ่งเขาสิ้นหวังกับพรรคการเมือง นักการเมือง ผู้แทนราษฎร คราวนี้ระบบการเมืองจะปั่นป่วนโกลาหล ฉะนั้นทุกๆ วินาทีที่อยู่ในสภา ควรจะต้องขับเคลื่อนได้มากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไม่สำเร็จ แต่คือเมล็ดพันธุ์ ขอให้ได้ขยับ ภารกิจสำคัญของผู้แทนราษฎรคือเรื่องแบบนี้
เลขาธิการคณะก้าวหน้า ระบุด้วยว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ “ผู้แทน” ของ “ราษฎร” ผู้ที่ได้เป็น ส.ส. ไม่ควรคิดว่า ส.ส. เป็น “อาชีพ” เมื่อเป็นแล้วก็ติดใจหลงใหลต้องเป็นอีก จนทำให้ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลยเพื่อ “ราษฎร” เพราะเกรงว่าจะถูกกลไกรัฐเข้าทำลายจนตนเองต้องถูกขับออกจากการเมือง ถ้า ส.ส. คิดว่า ส.ส. เป็น “อาชีพ” ต้องเป็นต่อไปเรื่อยๆ เขาจะขาดความเป็นอิสระ ขาดความกล้าหาญ และสยบยอมต่อกลไกรัฐ ไม่กล้าท้าทายปฏิรูปเรื่องใหญ่ๆ ในท้ายที่สุด ส.ส. ก็จะกลายเป็น “พนักงานของรัฐ” ไป
"หาก ส.ส. ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่ลิดรอนเสรีภาพและอำนาจประชาชน กฎหมายที่แปลง “ประชาชน” ผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ให้กลายเป็น “ไพร่” แล้ว ส.ส. ก็เป็นเพียงคนที่หายใจไปวันๆ เพื่อตำแหน่ง ยศถาบรรดาศักดิ์ เงินทอง อำนาจ ของตนเท่านั้น" ปิยบุตร ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง