นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ไปรับประทานอาหารกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ ซึ่งขณะนี้ข่าวลือถูกปล่อยออกมาเป็นจำนวนมากและข่าวที่ถูกปล่อยออกมาล้วนแต่เป็นประโยชน์ในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายอยู่กับความเป็นจริง ตนยืนยันว่า 7 พรรคการเมืองขั้วพรรคเพื่อไทย เท่าที่คุยกับหัวหน้าและเลขาธิการพรรคทุกพรรค ยังคงจับมือกันเหนียวแน่น
ส่วนกรณีการเกิดงูเห่า เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกพรรค เพราะระบบการเมืองมีปัญหาทุกอย่างไม่ปกติ มีการเสนอผลประโยชน์ต่างๆ จึงอยากให้คนที่จะเป็นงูเห่าตัดสินใจให้ดี มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มีงูเห่าเกิดขึ้น ส.ส.ของพรรคทุกคนมีหลักการและจุดยืนที่ยึดมั่นประชาธิปไตยไม่เปลี่ยนแปลง หากใครทรยศต่อเจตนารมณ์ของประชาชนที่เลือกเข้ามาการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้
นายภูมิธรรม ระบุถึงการยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคการเมืองขั้วที่สามอย่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้สนับสนุนขั้วเพื่อไทย ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องอนาคต ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึง ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยแม้จะได้ ส.ส.เป็นอันดับหนึ่ง แต่เห็นถึงปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้ง จึงไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือประธานสภาผู้แทนราษฎร และไม่นำตำแหน่งมาเจรจาต่อรองใดๆ จุดยืนสำคัญคือการสกัดกั้นไม่ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และแก้ไขรัฐธรรมนูญทำกติกาให้เป็นธรรมถือเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นหากหลักการเดียวกันทุกอย่างสามารถพูดคุยได้
โฆษก พท. อัด พปชร. ฉีกประเพณีพรรคเสียงอันดับ 1 ตั้งรัฐบาล
ด้าน นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามประเพณีปฏิบัติในการจัดตั้งรัฐบาลหลังมีการเลือกตั้งแล้ว ทุกพรรคต้องหลีกทางให้พรรคที่มี ส.ส.จำนวนมากที่สุดก่อน แต่เห็นข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐซึ่งได้จำนวน ส.ส.เป็นอันดับสองรองจากพรรคเพื่อไทย กลับชิงจัดตั้งรัฐบาลก่อน โดยไม่ทำตามประเพณีปฏิบัติที่ยึดมั่นกันมาหลายยุคหลายสมัย
นางลดาวัลลิ์ ระบุว่า เมื่อดูผลการเลือกตั้งจะเห็นว่าประชาชนได้เลือกพรรคการเมืองที่ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมี 7 พรรค ส.ส. 245 คน และมีอีก 4 พรรคที่มี ส.ส. 116 คน ยังไม่ประกาศว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ การกระทำดังกล่าวนี้นอกจากจะไม่ทำตามประเพณีปฏิบัติแล้วยังเป็นการกระทำที่ไม่รับฟังเสียงของประชาชน เมื่อได้อำนาจด้วยการชิงจัดตั้งรัฐบาลแล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าจะเป็นรัฐบาลที่รับฟังเสียงของประชาชน
นางลดาวัลลิ์กล่าวในตอนท้ายว่า ถ้าจำกันได้ในการเลือกตั้งทั่วไป 17 พฤศจิกายน 2539 พรรคความหวังใหม่ได้ ส.ส.125 คน พรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.123 คน น้อยกว่าพรรคความหวังใหม่ไปแค่ 2 ที่นั่งพรรคประชาธิปัตย์นำโดยนายชวน หลีกภัย ก็ทำตามประเพณีปฏิบัติหลีกทางให้พรรคความหวังใหม่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธจึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี มาถึงวันนี้เวลาผ่านไป 23 ปีแล้ว ตนยังเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงยึดมั่นในหลักการและประเพณีปฏิบัติดังเดิมและเชื่อว่ายังจะทำตาม สัญญาประชาคมที่ได้ให้ไว้แก่ประชาชนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศอีก แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคก็ตามแต่คำพูดบนเวทีปราศรัยก็ถือว่าเป็นคำพูดในนามพรรคซึ่งก็คือเป็นนโยบายของพรรค ถ้าหากกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคไม่เห็นด้วยก็คงจะมีการทักท้วงกันไปแล้วในช่วงนั้น และเท่าที่สังเกตแคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสามคนก็ล้วนแต่มีอุดมการณ์ต่อต้านการสืบทอดอำนาจทั้งนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง