ไม่พบผลการค้นหา
'ปานปรีย์' รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ เผยคุ้มค่า เยือนซาอุฯ ได้ขับเคลื่อนการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก และได้แรงสนับสนุนช่วยตัวประกันเหตุสงครามอิสราเอล

22 ต.ค. 2566 ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่าถึงเมืองไทยแล้วครับ ภารกิจที่ซาอุดีฯ ครั้งนี้ผมได้ขับเคลื่อนการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนกับคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ที่จัดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์อาเซียน-GCC ที่มีมานานกว่า 30 ปี แต่การเยือนครั้งนี้ มีความหมายเหนือกว่าการเป็นสัญลักษณ์สำคัญระหว่างสองฝ่ายหลายประการ

อย่างแรก เป็นโอกาสที่ได้แนะนำนโยบายและจุดเน้นของรัฐบาลนี้กับกลุ่มประเทศ GCC ที่ถือได้ว่าเป็นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงและแหล่งทุนขนาดใหญ่ ซึ่งในการเยือนครั้งนี้ ฝ่ายไทยนำโดยท่านนายก ได้พบกับบริษัทรายใหญ่และสำคัญของซาอุดีอาระเบีย ได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูล/ความเห็น เพื่อหาแนวร่วมขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนระหว่างกันในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เช่นในด้านอาหาร พลังงาน และการท่องเที่ยว

ประการที่สอง ก่อนกลับผมได้พบหารือกับนายคอลิด บิน อับดุลอะซีซ อัลฟาลิห์ รมว.การลงทุน ซาอุดีฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายยินดีกับโอกาสและศักยภาพความร่วมมือและโครงการการลงทุนระหว่างกัน อีกทั้งจะผลักดันความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นในสาขาที่มีความสนใจร่วมกันและที่มีความเชี่ยวชาญ 

ประการที่สาม และอีกวาระเร่งด่วน ผมมาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็มาในจังหวะที่สำคัญเช่นกัน เพราะกลุ่มประเทศ GCC เป็นกลุ่มประเทศที่มีบทบาทและอิทธิพลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลางเป็นอย่างมากในขณะนี้ นอกจากการหารือทวิภาคีกับซาอุดีฯ แล้ว พวกเรายังได้ร่วมสนับสนุนให้มีการออกแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-GCC แสดงความเห็นต่อพัฒนาการในกาซา โดยเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวตัวประกันพลเรือนและผู้ถูกจับกุมในทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข

ผมขอย้ำกับพี่น้องคนไทยที่รอฟังข่าวดีเกี่ยวกับญาติพี่น้องที่รับผลกระทบจากความรุนแรงในตะวันออกกลางในขณะนี้ว่า รัฐบาลไทยกำลังใช้ทุกวิธีทาง ทุกความสามารถ และทุกความสัมพันธ์ในทุกระดับ เพื่อที่จะนำไปสู่การปล่อยตัวประกันทันที และความปลอดภัยของคนไทยทุกๆคนครับ