ไม่พบผลการค้นหา
'วิษณุ' เปรียบ "รัฐบาลก้าวไกล" ยิ่งกว่าเรือเหล็ก เสียงทะลุ 300 มั่นคงแล้ว แนะให้เอาไมตรีไปแลกเสียงโหวต อย่าด่าทอกัน ชี้โหวตแคนดิเดตนายกฯชื่อเดิมซ้ำๆ ได้แม้รอบแรกไม่ผ่าน

วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ห่วงจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ว่า ไม่ทราบ ตนตามเรื่องเท่าที่สื่อมวลชนเสนอ ไม่รู้อะไรมากกว่านั้น ตอนนี้รอดูว่าจะรวบรวมเสียงเป็นปึกแผ่นได้หรือไม่ เท่าที่ทราบปัจจุบันรวบรวมได้ 313 เสียง มันก็มั่นคงถาวรแล้ว เสียงเกิน 250 ถือว่ามั่นคงแล้ว ขนาดรัฐบาลที่แล้วตนยังบอกว่าเรือเหล็กเลย แต่ครั้งนี้ยิ่งกว่าเหล็กอีก 

เมื่อถามว่า ถึงอย่างไรต้องอาศัยเสียง ส.ว.อีก 60 กว่าเสียง วิษณุ กล่าวว่า อาศัยในช่วงของการโหวตนายกฯ และอาจจะต้องอาศัยอีกในตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นตนถึงได้พูดไปก่อนหน้านี้ว่าเชื่อเถอะว่า "ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง ผมยังยืนยันแบบนี้อยู่ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา กันไป ยังมีเวลาอีกตั้ง 60 วัน กว่าจะประกาศรายชื่อ ส.ส. และกว่าจะถึงเวลาเลือกนายกฯ บวกเข้าไปอีกร่วม 30 วัน รวมแล้วก็ 3 เดือน ดังนั้นต้องใช้เวลาตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าไปด่าทอกัน หรือประชดประชันกัน มันต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ เพราะต่างก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของรัฐสภา มันไม่ใช่แค่ทำงานฉาบฉวย สำหรับการเลือกนายกฯ อาจจะไม่ใช่ภารกิจยุ่งยากเท่าไหร่ แต่การผ่านกฎหมาย อะไรต่ออะไรยังมีมากกว่านี้ และหลายคนใน 6-7 พรรคนี้ก็พยายามประสาน เพราะเขามีพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ ดังนั้น ใช้เวลาตอนนี้ให้เป็นประโยชน์ อย่าลงมือด่าทอ ตบตีกัน ตั้งแต่วันแรก" 

เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกล สามารถรวมกับพรรคอื่นได้ 8 พรรคแล้ว วิษณุ กล่าวว่า กี่พรรคก็ช่าง แต่ตนเห็นว่ามันมั่นคงแล้ว 

เมื่อถามว่า ไม่เยอะเกินไปใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่แกนนำรัฐบาลจะไปคิดกัน เราจะไปวิจารณ์เขาได้อย่างไรว่าเยอะไป ถ้าเขาได้ 500 ยิ่งดีใหญ่ 

เมื่อถามว่า มีคนประเมินว่าในรัฐสภาจะไม่สามารถเลือกนายกฯได้ วิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ประเมิน 

เมื่อถามว่า ในทางกฎหมาย หากโหวตชื่อแคนดิเดตนายกฯคนใดคนหนึ่งไปแล้ว แต่ไม่ผ่าน จะสามารถนำชื่อเดิมกลับมาโหวตอีกได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า “ได้ โหวตมันทุกวันนั่นแหละ ชื่อเดิมก็ได้” 

เมื่อถามว่า พรรคอันดับ 2 จะสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯขึ้นไปก็ได้ใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ได้ทุกอย่าง มันต้องอาศัยเสียงกึ่งหนึ่งในรอบแรก เพราะว่ามาตรา 272 วรรคหนึ่ง ระบุว่า ต้องมีความเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภาที่มีอยู่ ซึ่งคือ 376 เสียง แต่ถ้าไม่สำเร็จก็โหวตอีก โหวตไปโหวตมาจนกระทั่งในที่สุดจะเปลี่ยนไปใช้มาตรา 272 วรรคสองก็แล้วแต่ หรือจะโหวตซ้ำมาตรา 272 วรรคหนึ่งก็ได้ ไม่เป็นไร เพราะมันอาจจะมีเหตุผลใหม่ๆ ดีๆ และมีคนเปลี่ยนใจเพิ่มขึ้นก็ได้ สำคัญคือ วันแรก ด่านแรก ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร 

เมื่อถามว่า มาตรา 272 วรรคสอง ที่จะใช้ได้คืออะไร วิษณุ กล่าวว่า แปลว่าเลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว หาบุคคลอื่น แม้กระนั้นพอจะใช้วรรคสองที่ระบุว่า ทั้งนี้ อาจจะเสนอรายชื่อบุคคลที่อยู่ในรายชื่อนายกฯที่แต่ละพรรคเสนอได้ ซึ่งมันก็กลับมาใช้ได้อีก เห็นไหมล่ะ ขนาดใช้วรรคสองยังกลับมาใช้ชื่อเดิมได้อีก แล้วนับประสาอะไรกับแค่วรรคหนึ่ง รอบแรกไม่ผ่าน แล้ววันหลัง อาทิตย์หน้ามาใหม่ ก็เสนอรายชื่อเดิมได้

เมื่อถามอีกว่า แบบนี้แสดงว่ามีสิทธิ์ที่จะใช้นายกฯนอกบัญชีได้ใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ก็ได้ทั้งนั้น แต่อันนี้เป็นกรณีของวรรคสองนะ ซึ่งผมว่ายาก เพราะกว่าจะได้วรรคสองมันต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ซึ่งมันยาก มันไม่เกิดได้ง่ายๆหรอก เนี่ยเดี๋ยวพวกคุณก็ไปลงข่าวว่าผมชี้ช่องอีก เอาแค่วรรคหนึ่งให้มันจบและผมเชื่อว่าจบด้วย

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า ผมไม่มั่นใจ แต่ผมเชื่อ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการใช้กระแสโซเชียลมีเดียมากดดันให้โหวตนายกฯ วิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ทราบเรื่อง ไม่ทราบเลย 

เมื่อถามว่า จะทำให้มีปัญหาตามมาหรือไม่ วิษณุ กล่าวย้ำว่า ไม่ทราบ