วันที่ 14 ก.ย. 2566 ที่กระทรวงการคลัง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย ศาลพระพรหม, ศาลพระภูมิ, พระคลังในพระคลังมหาสมบัติ (องค์จำลอง) องค์จำลองพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, พระพุทธรูปประจำกระทรวง และองค์ช้างคู่ประจำกระทรวงการคลัง ซึ่งมีเหล่าผู้บริหารกระทรวงฯ และผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร่วมประชุมกับบรรดาผู้บริหารของกระทรวงการคลัง ในช่วงต้นของการประชุม เศรษฐาได้กล่าวแนะนำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังทั้ง 2 ท่าน คือ กฤษฎา จีนะวิจารณะ และ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รวมถึง เผ่าภูมิ โรจนสกุล ในฐานะเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมฝากให้เพื่อนข้าราชการร่วมกันช่วยเหลือและทำงานร่วมกัน
เศรษฐา กล่าวว่า หน้าที่ของกระทรวงการคลังคือออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ เข้าใจว่าหลายมาตรการมีทั้งคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ
"แต่เป็นที่ประจักษ์ว่าปัจจุบันนี้การเมืองค่อนข้างร้อนแรง บางนโยบายเช่นกัน การจ่ายเงินข้าราชการ 2 ครั้ง ซึ่งไม่น่าถูกต่อว่าอะไร ก็ถูกต่อว่า แต่เราต้องรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน"
เศรษฐา กล่าวต่อไปว่า การที่เรามีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลายนโยบาย ย่อมเป็นที่เพ่งเล็งของสาธารณชนเยอะ แต่ยืนยันว่า การทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพียงแค่ระยะสั้น แต่มีความจำเป็นในระยะยาว
"บางนโยบายต้องทำทันที ต้องใช้ปริมาณเยอะ คงไม่ต้องบอกว่าเป็นนโยบายอะไร แต่มีนัยคือกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ประชาชนต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก นโยบายนี้จะทำให้เราเดินไปข้างหน้าได้ ระหว่างที่คอยนโยบายอื่นๆ ที่จะมาเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ให้พี่น้องประชาชน"
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น คาดว่าน่าจะทำนโยบายดังกล่าวออกมาได้ภายในไตรมาส 1 ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนรวมถึงธนาคารรัฐ