4 ม.ค. 2567 พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายการเมือง) ของรองนายกรัฐมนตรี (ภูมิธรรม เวชยชัย) กล่าวถึงกรณี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ว่า รัฐบาลในฐานะผู้ใช้งบฯ ปี 2566 และกำลังของบฯ ปี 2567 ได้บริหารโครงการตามโครงการอย่างโปร่งใสไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ต้องขัง 280,000 คน แล้วหรือยัง เพราะมีข้อเคลือบแคลงจากสังคมว่าทำไมรัฐบาลปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มากว่า 120 วัน แต่ยังไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว
พร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนเองก็คิดไม่ถึงว่าจุรินทร์ จะยังคงคอนเซ็ปต์เดิมๆ คือมุ่งแต่จะโจมตีท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ เพื่อเรียกคะแนนหรือเสียงตบมือจากบรรดาแฟนคลับนายจุรินทร์ ที่ยังคงเหลืออยู่น้อยนิดในการอภิปรายว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567ซึ่งตนเห็นว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง ถ้าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ว่าไปอย่าง แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่เจ้ากระทรวงอย่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมต.ยุติธรรม ได้มีโอกาสออกมาชี้แจงว่า รัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมให้มีความโปร่งใสให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ
ราชทัณฑ์ไม่ใช่สถานที่ฆ่าหรือทรมานคน หากใครเจ็บป่วยก็ต้องไปรักษา และการไปรักษาก็ไม่ใช่เพียงแค่ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ เพียงคนเดียว แต่มีคนจำนวนมาก ไปรักษาการป่วยของท่านก็เกิดก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ผู้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลซึ่งเกี่ยวข้องกับเรือนจำ กฎหมายซึ่งให้ความสำคัญกับแพทย์สูงสุดก็เขียนไว้ว่าที่นั่นคือเรือนจำ การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ไปไหนไม่ได้ก็คือการเสียอิสรภาพแล้ว
พร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า จุรินทร์ ยังคงอยู่กับการเมืองที่ติดหล่มจมปลัก ทั้งที่ได้รับบทเรียนตั้งมากมายจากการมุ่งเป้าโจมตีท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ เพื่อเรียกคะแนนเสียง จนก่อให้เกิดความขัดแย้ง บ้านเมืองไม่ไปไหนวนเวียนอยู่กับการปฏิวัติรัฐประหารเกือบยี่สิบปี สิ่งที่นายจุรินทร์ ทำได้ผลลัพธ์ออกมาคือ ผลการเลือกตั้งและความถดถอยของพรรคที่นายจุรินทร์ สังกัด นี้ก็เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนแล้วว่าคอนเซ็ปต์ที่ท่านเลือก แนวทางที่ท่านทำมันผิด คนเค้าเลยเบื่อ เอือมระอาเบือนหน้าหนี ท่านก็ยังจะมาเลือกที่จะใช้มันอีก ตนขอตั้งข้อสังเกตว่ากรณีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เลือกที่จะออกมาแซะในอภิปรายว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ในช่วงนี้
โดยก่อนหน้านั้นก็มี ชัยชนะ เดชเดโช ก็ออกมาบอกว่าเตรียมจะบุกชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจในวันที่ 12 แล้วยังทำนายทายทักไปถึงขั้นที่ว่าหาก อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เดินทางกลับประเทศไทย จะเป็นชนวนเหตุทำให้เห็นว่าสังคมมี 2 มาตรฐาน จะก่อม็อบลงถนนได้ เมื่อไรที่มีการตัดสินเอา อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ กลับมา โดยใช้วิธีการพิเศษเหนือนักโทษคนอื่น ก็จะเป็นชนวนเหตุทำให้อายุรัฐบาลสั้นลง
ซึ่งล่าสุดก็ยังมีกรณี พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Pichit Chaimongkol” เดินหน้าใส่ร้องเท้าผ้าใบ สัปดาห์นี้ คปท. จะได้ไปหารือทิศทางการเคลื่อนไหวเพื่อรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรม ตนไม่ได้แปลกใจกับท่าทีของคนเหล่านี้ แต่แปลกใจกับช่วงเวลาที่คนเหล่านี้เลือกที่จะทำพร้อมๆ กัน ตอนที่ประเทศอยู่ในความขัดแย้งท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ อยู่ต่างประเทศ คนเหล่านี้ก็เรียกร้องให้ท่านกลับมารับโทษที่ประเทศไทย พอประเทศกำลังจะดีขึ้นเพราะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ กลับประเทศเพราะความรักบ้านเกิด คิดถึงลูก คิดถึงหลาน ท่านอยากกลับมาอยู่กับครอบครัวของท่าน พอท่านกลับเข้าสู่กระบวนการ คนเหล่านี้ก็ออกมาจุดชนวน ยกประเด็น ทำตัวเป็นหมอดูผู้ล่วงรู้ทุกเรื่อง ช่วงปีใหม่ก็ออกมาให้ของขวัญคนไทยโดยการทำนายทายทักว่า ปีหน้าจะมีม็อบ คนจะลงถนน เพราะเรื่อง “ทักษิณ” เรื่อง “ยิ่งลักษณ์” ค้าความขัดแย้งไปเรื่อย
การเข้ารับการรักษาตัวของท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ ในโรงพยาบาลตำรวจ เป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมความเห็นแพทย์ รายงานปลัดกระทรวง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ ระเบียบดังกล่าวผู้ต้องขังคนอื่นที่ป่วยก็ได้รับและถือปฏิบัติ
เฉกเช่นเดียวกัน เรื่องดังกล่าวผู้ที่เกี่ยวข้องก็ออกมาตอบแล้วหลายรอบแล้วแต่ดูเหมือนพวกท่านๆ เหล่านี้จะไม่รับฟัง ขนาดระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 เป็นไปตามบทเฉพาะกาล ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 ต้องดำเนินการออกกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือคำสั่งให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ซึ่งก็ล่วงเลยเวลา มานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2560 สมควรทำให้เสร็จเป็นไปตามสากล ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ยังไม่มีการ ใช้บังคับอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำประกาศคุณสมบัติคนเหล่านี้ก็ออกมาตีฆ้องร้องป่าว กันแล้วว่า เขียนเพื่อ “ทักษิณ” ออกเพื่อ “ทักษิณ” ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวกันเลย เป็นเพียงห่วงเวลาที่มาบรรจบก็เท่านั้น การกระทำต่างๆ ของคนเหล่านี้ไปกระทบสิทธิของผู้ต้องขังคนอื่น ที่ป่วยเจ็บหรือแม้กระทั้งผู้ต้องขังที่จะได้รับการพิจารณาจากระเบียบหรือข้อบังคับต่างๆ เป็นไปตามตามหลักที่กรมราชทัณฑ์เคยบอกไว้ว่า ดูแลผู้ต้องขังทุกคนตามหลักสิทธิมนุษยชน ทุกคนจะไม่ถูกลิดรอนสิทธิ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นการยกระดับกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย พวกท่านกลับหยิบยกมาอ้างเพื่อทำลายทางการเมือง โดยไม่สนใจว่าใครจะได้รับความเสียหายจากการกระทำของท่าน ขนาดปีนี้ก่อนวันเด็ก 1 วัน ท่านยังจะลงถนนให้เด็กได้ดูกันอีก ก็ไม่คิด จะเหลือหน้าข่าวหน้าสื่อให้เด็กๆ ได้บอกสิ่งที่ปรารถนากันบ้างเลยเหรอ ดีไม่ดี สิ่งที่เด็กๆ ต้องการอาจเป็นเพียงแต่ให้ผู้ใหญ่ลืมความขัดแย้งแล้วร่วมมือร่วมใจกันสร้างประเทศให้ดีกว่าเดิมก็เป็นได้ พร้อมพงศ์ กล่าว