ไม่พบผลการค้นหา
เมียนมานองเลือด กองทัพใช้มาตรการเด็ดขาดสลายการเรียกร้องประชาธิปไตยทั่วประเทศ ตำรวจใช้กระสุนจริงยิงประชาชนหลายเมืองใหญ่ วันเดียวเสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย

เมื่อ 28 ก.พ. สถานการณ์เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา ได้กลายเป็นเหตุการณ์รุนแรงสุดในรอบ 1 เดือนนับตั้งแต่ที่กองทัพยึดอำนาจพรรคเอ็นแอลดีซึ่งชนะการเลือกตั้ง โดยฝ่ายความมั่นคงเมียนมาได้ส่งกองกำลังทหารเข้าสมทบกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าสลายปราบปรามการชุมนุมต่อต้านรัฐประหารในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศตั้งแต่ นครย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ ทวาย พะโค และมะริด

รายงานจากสื่อท้องถิ่นระบุว่า การเคลื่อนไหวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมากองกำลังฝ่ายความมั่นคงเมียนมาได้ยิงผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย ระหว่างเคลื่อนไหวต้านรัฐประหารในนครย่างกุ้งและเมืองทวาย โดยเฉพาะในนครย่างกุ้งซึ่งมีรายงานผู้เสียชีวิตมากที่สุด โดยจำนวนนี้มีหญิงรายหนึ่งเสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลวหลังตำรวจปาระเบิดแสดงเข้าสลายผู้ชุมนุม

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ตำรวจเมียนมายังได้ใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่เมืองทวาย ส่งผลให้มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย เช่นเดียวกับที่เมืองพะโค มีรายงานเสียชีวิต 2 ราย ที่เมืองมัณฑะเลย์ 4 ศพ และที่มะริดอีก 1 ศพ โดยภาพจากโซเชียลมีเดียเผยว่าที่เมืองทวายประชาชนชาวเมียนมาต่างนำดอกไม้ไปวางไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิต

เมียนมา

สอดคล้องกับรายงานของหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนประจำองค์การสหประชาชาติ ที่ระบุว่า เฉพาะการสลายการชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีผู้เรียกร้องประชาธิปไตยชาวเมียนมาเสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย บาดเจ็บอย่างน้อย 30 รายจากปฏิบัติการซึ่งใช้กระสุนจริงของฝ่ายความมั่นคงเข้าปราบปรามการชุมนุมในเมืองย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ มะริด และพะโค โดยมีการใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา และระเบิดควันร่วมด้วย ส่งผลให้นับตั้งแต่รัฐประหาร 1 ก.พ. มีรายงานผู้เสียชีวิตสะสมจากการปราบปรามของกองทัพแล้ว 27 ราย บาดเจ็บไม่น้อยกว่า 100 คน

"กองกำลังตำรวจและทหารซึ่งเผชิญหน้าผู้ชุมนุมอย่างสันติ และมีการใช้กำลังรุนแรงเข้าสลายถึงตาย ซึ่งตามข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้ที่ทางสำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้รับ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คนและบาดเจ็บกว่า30คน" หน่วยงานยูเอ็นระบุ

เมียนมา

ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้องค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ร่วมกันออกแถลงการประณามการสลายการชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ผ่านมา ซึ่งนับเป็นวันนองเลือดที่สุดของเมียนมา โดยอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้เรียกร้องให้กองทัพยอมรับผลการเลือกตั้ง และเคารพฉันทามติของประชาชน หยุดปราบปรามผู้ชุนนุม ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ โดยเจค ซัลลิแน ที่ปรึกษาความมั่นคงประธานาธิบดีไบเดน กล่าวประณามความรุนแรง "ที่น่ารังเกียจ" จากฝีมือของกองกำลังด้านความมั่นคงพม่า ทั้งว่าวอชิงตันเตรียมมาตราการกดดันต่อรัฐบาลทหารเพิ่มเติม

เช่นเดียวกับ แอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามสิ่งที่เขาเรียกว่าความรุนแรงอันน่ารังเกียจโดยกองทัพพม่า โดยบลิงเคนระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า "เรายืนหยัดอย่างหนักแน่นให้กำลังใจประชาชนชาวพม่า และสนับสนุนทุกประเทศให้ส่งเสียงคนละเสียงสนับสนุนเจตนารมณ์ของพวกเขา"