นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า วานนี้ (21 พ.ย. 61) ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายืนให้เพิกถอนคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ออกคำสั่งทางปกครองให้ผมชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 1,296 ล้านบาท
คดีนี้สืบเนื่องจาก คตส. ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร กล่าวหาว่า ผมเกี่ยวข้องกับการทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของ กทม. จากนั้น ป.ป.ช. ได้มีมติให้ฟ้องตน ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษายกฟ้อง ต่อจากนั้น กทม. ได้ออกคำสั่งทางปกครองเรียกร้องให้ตนชดใช้ค่าเสียหายผมจึงได้ยื่นฟ้องเพื่อขอให้ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนแล้ว
หลายท่านได้แสดงความยินดี แต่คดีนี้เป็นเพียงหนึ่งในอีกหลายคดีที่ได้รับอันเป็นผลพวงจากการรัฐประหาร ตนต้องอดทนต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ซึ่งเสร็จไปแล้ว 6 คดีแต่ก็ยังเหลืออีกหลายคดีเช่นกัน โดยคดีที่เกิดจากการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ยังเหลือคดีบ้านเอื้ออาทร ส่วนการรัฐประหารปี 2557 ยังเหลือคดีทั้งที่ศาลทหาร ศาลอาญา ในชั้นอัยการและพนักงานสอบสวนอีก 5-6 คดี ซึ่งก็พร้อมจะสู้ทุกคดีเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด
สิ่งที่แย่ในการถูกดำเนินคดีนอกจากจะเป็นเรื่องเวลาและพลังงานที่ต้องสูญเสียไปในการสู้คดีแล้ว ยังต้องอดทนกับการถูกครหาต่างๆ นานาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เพราะในระหว่างการต่อสู้คดีนอกจากการกล่าวหาในศาลแล้ว ยังต้องเผชิญกับการกล่าวหานอกศาลอีกแต่ตนก็ไม่เคยออกมาโฆษณาหรือต้องไปสาบานที่ไหนว่าตัวเองบริสุทธิ์ แม้ท้ายที่สุดแม้ศาลจะมีคำพิพากษายกฟ้องก็ไม่เป็นข่าวใหญ่หรือน่าสนใจเท่ากับตอนถูกกล่าวหา
นี่คือสิ่งที่ต้องเผชิญในฐานะนักการเมืองที่เป็นศัตรูกับเผด็จการ หากยอมก้มหัวให้หรือยอมย้ายพรรคคดีคงได้รับการปัดเป่าและไม่เยอะเหมือนทุกวันนี้ แถมยังมีสิทธิกำหนดเขตเลือกตั้งเองและได้เปรียบจากรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นเพื่อพวกเราอีก