ไม่พบผลการค้นหา
"มงคลกิตติ์" ยืนยัน 10 พรรคเล็กเรียกร้องในสิ่งที่สมควรจะได้ ยอมรับตัวเองเป็นฝ่ายบู๊ในส่วนขนาดเล็ก ขณะที่ "พิเชษฐ์ สถิรชวาล" ยืนยันทุกอย่างคุยกันแล้วก่อนโหวตเลือกนายกฯ และเห็นว่าควรให้พรรคฝ่ายค้านเป็นประธานในกรรมาธิการชุดต่างๆ

ที่ร้านอาหาร T House Restaurant ถนนวิภาวดีรังสิต นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทยและนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระแสข่าวการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีในการร่วมรัฐบาลของกลุ่ม 10 พรรคการเมืองขนาดเล็ก

นายพิเชษฐ์ ระบุว่า ตำแหน่งในฝ่ายบริหารของพรรคขนาดเล็ก ได้ตกลงกันสิ้นสุดแล้วตั้งแต่ก่อนตัดสินใจลงมติเลือกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนจะได้รับการจัดสรรตำแหน่งหรือไม่เป็นเรื่องที่พลเอกประยุทธ์ จะต้องตัดสินใจ ซึ่งพรรคขนาดเล็กมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันในแต่ละเรื่อง และการต้องให้ข่าวกับสื่อมวลชนเพื่อไม่ให้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน และสนับสนุนสิ่งที่นายมงคลกิตติ์ ได้นำเสนอต่อสังคมไป

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า การหารือเพื่อหารือแนวทางการทำงานในสภาเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่พรรคเล็ก จะผลักดันในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ รวมถึงพิจารณาบทบาทในกรรมาธิการชุดต่างๆ ด้วย ส่วนพรรคเล็กอื่นๆ ไม่มาแสดงท่าทีหรือแก้ข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น เหมือนกับนายมงคลกิตติ์และนายพิเชษฐ์ ตัวเองยอมรับ แม้ว่าจะถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวเพียง 2 คน ในสถานการณ์ปัจจุบันตาม 

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า การเมืองที่ผ่านมาเมื่อรัฐบาลเป็นผู้ดูแลกระทรวงต่างๆ จะส่งคนของฝ่ายรัฐบาลไปนั่งเป็นประธานกรรมาธิการชุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เหมือนกับเข้าไปในกลุ่มสภาพเพื่อผลักดันนโยบาย แต่นายพิเชษฐ์ เห็นว่า ในปัจจุบันที่เสียงของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลก้ำกึ่งกัน การตรวจสอบถ่วงดุลควรจะเข้มข้น เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อรัฐบาลได้ดูแลกระทรวงต่างๆ ควรจะให้ฝ่ายค้านไปนั่งเป็นประธานในกรรมาธิการต่างๆ อย่างกระทรวงคมนาคม ที่พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะเข้าไปดูแล ควรให้ ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอนาคตใหม่เป็นประธานกรรมาธิการด้านคมนาคม ส่วนกระทรวงกลาโหม เห็นว่าควรให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้าไปเป็นประธานกรรมาธิการด้านกลาโหม 

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ในกลุ่ม 10 พรรคขนาดเล็ก แบ่งเป็น 3 แบบ คือ ฝ่ายสายกลาง ฝ่ายบุ๋น และฝ่ายบู๊ ซึ่งนายมงคลกิตติ์เองอยู่ในฝ่ายบู๊ และยืนยันว่าการตัดสินใจจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรี ในโควต้า 10 พรรคขนาดเล็ก ตามความเหมาะสมและที่ได้เรียกร้องไปก่อนหน้านี้ เป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชารัฐที่จะต้องดำเนินการ แต่เห็นว่าควรได้ตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย

นอกเหนือจากการนั่งในกรรมาธิการชุดต่างๆ ซึ่งเป็นสิทธิ์โดยชอบตามกฎหมายไม่ใช่เงื่อนไขต่อรองในการร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด เพราะหากไม่มีตำแหน่งในฝ่ายบริหารมีสภาพไม่ต่างจากเป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตาม พร้อมทำงานในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างที่เคยทำมาแล้วโดยเฉพาะการตรวจสอบการคอรัปชั่นที่ตัวเองเชี่ยวชาญ 

นายมงคลกิตติ์ ยืนยันว่า 10 พรรคเล็กไม่ได้กลับกลอก แต่ได้เรียกร้องในสิ่งที่สมควรจะได้ และยืนยันว่าตัวเองมาจากประชาชนไม่ใช่พลเอกประยุทธ์เป็นคนแต่งตั้ง จึงไม่ได้เกรงกลัวอะไร หากจะมีการใช้ท่าทีแบบทหารมากดดัน เพราะย่อมไม่เป็นผล และหากมีการขู่ว่าจะมีการยุบสภา นายมงคลกิตติ์ ก็ท้าให้ยุบสภาไปเลย แต่เห็นว่าไม่ควรยุบในตอนนี้ ควรจัดการปัญหา ในกระบวนการรัฐสภาก่อน แต่หากจัดการไม่ได้ ก็ยุบสภาไปได้เลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง