นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปฏิเสธข่าวจัดตัวผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในจังหวัดอุตรดิตถ์ และภาคเหนือตอนล่าง ให้พรรคพลังประชารัฐ โดยให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าตนเป็นอดีต ส.ส. จังหวัดอุตรดิตถ์มา 2 สมัย เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และได้รับมอบหมายให้ทำโครงการ สนช. พบประชาชน เพราะฉะนั้นจึงมีคนรู้จักเป็นคนในท้องถิ่น ข้าราชการ และผู้นำชุมชน จำนวนมาก ซึ่งตนมีหน้าที่แนะนำให้กับพรรคการเมือง และเพื่อนพี่น้องที่รู้จักกันทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม ว่าคนไหนเป็นที่รู้จักในพื้นที่ และแนะนำนักการเมืองที่ต้องการจะเล่นการเมืองต่อว่าอยู่พรรคไหนจะเป็นอย่างไร จากการวิเคราะห์ส่วนตัว แต่ตนเองไม่มีอำนาจไปตัดสินใจให้ใครลงสมัครรับเลือกตั้ง
ส่วนกระแสข่าวว่ายังมี สนช. บางคนรับจัดผู้สมัครลงรับเลือกตั้งให้พรรคพลังประชารัฐ ตนเชื่อว่า สนช. ทุกคนมีวิจารณญาณที่จะไม่ทำอะไรขัดต่อบทบาทหน้าที่ของ สนช. เพราะ สนช. มีประมวลจริยธรรม มีกรอบ ระเบียบ และข้อบังคับ ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนที่เป็นข่าวคงคล้ายๆกับตนเอง คือแค่แนะนำให้คนมาเจอกัน แต่จะตกลงหรือไม่ ตนไม่รู้ อย่างไรก็ตามตนอยากจะบอกว่าในอนาคตสถานการณ์จะทำให้การเมืองมีการเคลื่อนไหวตลอด อย่างเพิ่งไปฟันธงว่าใครจะอยู่พรรคไหน ผู้จะลงสมัครรับเลือกตั้งคงจะประเมิณและตัดสินใจให้หนัก เพราะรับบการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นบัตรเดียวกาครั้งเดียว
นอกจากนี้ กระแสข่าวสมาชิก สนช. วิ่งเต้นเพื่อตำแหน่ง ส.ว. นายพีระศักดิ์กล่าวว่า กลไกการตั้งคณะกรรมการสรรหา 9–12 คนยังไม่เริ่ม ซึ่งฝ่าย คสช. บอกว่าน่าจะเริ่มหลังการแบ่งเขตการเลือกตั้งและรับสมัครแล้ว และรูปแบบการสรรหาจึงยังไม่กำหนด แต่การพูดคุยกันเรื่องนี้ก็มีอยู่แล้วเป็นธรรมชาติ เพราะทำงานด้านนี้ และมีคนที่สนใจ เพราะตำแหน่ง ส.ว. ก็ค่อนข้างมีบทบาทสำคัญ คงห้ามใครไม่ให้พูดไม่ได้ ส่วนตัวมองว่า สนช. มีประสบการณ์ในการทำหน้าที่นิติบัญญัติ แต่คงจะไม่ได้มีแค่ สนช. เข้ามาเป็น ส.ว. แต่คงจะมีบุคคลที่มีความสามารถจากส่วนอื่นมาด้วยตามกฎหมาย
ทั้งนี้ นายพีระศักดิ์ ยืนยันว่า คสช. ยังไม่ได้ส่งสัญญาณหรือพูดคุยกับตนถึง สนช. ที่พร้อมเป็น ส.ว. ต่อ ส่วนตัวเห็นว่า คสช. เองก็คงจะยังไม่พูดคุยเรื่องนี้ตอนนี้เพราะยังไม่ถึงเวลา จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
