ไม่พบผลการค้นหา
ไวรัสหลายตัวเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการระบาดนอกฤดูกาล นอกถิ่นระบาดเดิม และสร้างโรคที่แตกต่างไปหลังการคลายมาตรการล็อกดาวน์ของโควิด-19

ท่ากลางสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่เริ่มผ่อนคลายลง โลกกำลังมุ่งความสนใจไปที่โรคฝีดาษลิงที่ตอนนี้พบผู้ติดเชื้อแล้วในอย่างน้อย 20 ประเทศทั่วโลก มีการยืนยันผู้ติดเชื้อมากกว่า 90 คน ขณะที่ราว 431 คนกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค โดยองค์การอนามัยโลกระบุในวันที่ 29 พ.ค.ว่า โรคฝีดาษลิงมีความเสี่ยงใน 'ระดับปานกลาง' เท่านั้น

"ไวรัสของโรคนี้อาจเริ่มมีการระบาดในสหราชอาณาจักรมาแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่โอกาสที่จะแพร่กระจายเกิดขึ้นได้ยากเพราะมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม" ศาสตรจารย์เอเลนอร์ ไรลีย์ ศาสตราจารย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและโรคระบาดที่มหาวิทยาลัยเอดินเบอระแห่งสหราชอาณาจักรกล่าวกับสำนักข่าว The Telegraph 

เขาชี้ว่า "เมื่อมาตรการจำกัดการใช้ชีวิตต่างๆ ถูกยกเลิกไป ไวรัสเหล่านั้นจึงหาช่องทางที่เหมาะสมระบาดได้ในที่สุด"

หน่วยงานความมั่นคงด้านสาธารณสุขสหราชอาณาจักร หรือ UK Health Security Agency เปิดเผยว่า การระบาดที่กำลังเกิดขึ้นในอังกฤษขณะนี้ส่วนใหญ่พบในกลุ่ม MSM หรือ ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นกลุ่ม LGBTQ หรือไม่ และไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่จะเกิดการติดต่อในลักษณะที่มีการสัมผัสใกล้ชิดมากๆ กับผู้มีเชื้อ

The Telegraph รายงานว่า โรคฝีดาษลิงนั้นมีการระบาดในสหราชอาณาจักรมาแล้วนานหลายปี แต่ในปีนี้มีความแตกต่างชัดเจนคือเป็นการระบาดในวงกว้างนอกภูมิภาคแอฟริกา และระบาดให้หลายพื้นที่ที่ไม่เคยพบมาก่อน สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิทยาศาสตร์อย่างมากจนทำให้เกิดการเร่งศึกษาหาสาเหตุว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นหรือไม่ในยุคหลังโควิด และถ้ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง สิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ 

นักวิทยาศาสตร์มองว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลักษณะการแพร่กระจายของเชื้อนั้นแตกต่างออกไป ทำให้การติดเชื้อเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นวงกว้าง

ในปัจจุบัน โรคฝีดาษลิงถูกจักให้เป็นโรคประจำถิ่นในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลางซึ่งพบการติดเชื้ออยู่เป็นประจำ โดย ในประเทศคองโกเพียงแห่งเดียวพบการติดเชื้อใน 5 เดือนแรกของปีนี้แล้วมากกว่า 1,200 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 58 ราย 

ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา มาตรการจำกัดการระบาดของโควิดได้ส่งผลกระทบไปยังศักยภาพในการแพร่ระบาดของเชื้อโรคอื่นๆ ด้วย เห็นได้จากการติดโรคหวัด ไวรัสอะดีโน ไวรัส RSV ที่เป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

นักวิทยาศาสตร์กำลังทำการศึกษาและติดตามอย่างใกล้ชิดต่อกลุ่มเชื้อไวรัสที่กลับมาระบาดอีกครั้งหลังการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ เพราะเริ่มเห็นรูปแบบการระบาดนอกฤดูกาลมากขึ้น ไปจนถึงการระบาดในพื้นที่ที่ไม่ค่อยพบเห็นมาก่อน และนำไปสู่การเกิดโรคที่ไม่คาดคิด

"ความรู้สึกของอิสรภาพและความสุขอย่างท่วมท้นหลังการยกเลิกล็อกดาวน์ส่งผลให้ผู้คนกลับมาเดินทางอย่างอิสระอีกครั้ง และการกลับมาของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ เป็นปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้ไวรัสต่างๆ แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในกลุ่มประชากรโลกที่กว้างขึ้น" ดร.จูเลียน แทง นักไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ระบุ

ขณะเดียวกัน ในออสเตรเลียมีการพบการระบาดของไวรัส RSV ในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กในเดือน พ.ค. ส่วนสหรัฐฯ ก็พบอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดไข้หวัดที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะไม่ใช่ฤดูกาลการระบาดตามปกติ 

นอกจากนั้นก็ยังมีการพุ่งขึ้นอย่างปริศนาของการระบาดของโรคตับอักเสบในเด็กที่อังกฤษจำนวนมากกว่า 222 คน ซึ่งเชื่อว่าเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของโรคอันมีสาเหตุจากการล็อกดาวน์ ทางการมีข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเป็นเพราะเด็กๆ พบเจอเชื้อโรคและไวรัสน้อยลงมากในระยะเวลา 2 ปี ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง