ไม่พบผลการค้นหา
‘เศรษฐา’ ซัดฝ่ายค้านทำตัว ‘งง’ หลังคะยั้นคะยอให้ซื้อเรือฟริเกต บอกอภิปรายกองทัพเรื่องเดิมมีแต่น้ำ ยันรัฐบาลเดินหน้าพัฒนากองทัพ แม้ฝ่ายค้านใช้คำว่า ‘ปฏิรูป’ ชี้ขอเวลา 4 ปี ให้สังคมตัดสิน ใครครอบงำประชาชนให้หน้ามืดตามัว

วันที่ 4 เม.ย. ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) ในญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตาม ม.152 ของรัฐธรรมนูญ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการอภิปรายของฝ่ายค้านในประเด็นของกองทัพว่า ผิดหวังนิดหน่อย เพราะมีแต่เรื่องเดิมๆ ที่เป็นน้ำ และขอยืนยันว่า กองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง ส่วนเรื่องวาทกรรมที่ด้อยค่าภาพลักษณ์ กองทัพใช้ IO ก็ขอให้เวลารัฐบาล 4 ปี เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักในตอนจบว่า คนที่พยายามครอบงำประชาชนให้หน้ามืดตามัวคือใคร 

เศรษฐา กล่าวต่อว่า เรื่องของ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่พยายามทำอยู่คือการพัฒนาร่วมกัน แม้ฝ่ายค้านจะใช้คำว่า ‘ปฏิรูป’ แต่ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลมีการพัฒนากองทัพที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสมัครใจเกณฑ์ทหาร และการจัดหาอาวุธที่ได้มีการคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เชื่อว่าให้ระยะเวลารัฐบาลอีกสักพัก เราคงเห็นผลงานที่พยายามทำอยู่อย่างต่อเนื่อง 

เศรษฐา ระบุอีกว่า รัฐบาลนี้ได้มีการดำเนินการในเรื่องการขอคืนพื้นที่ทหาร เช่น หนองวัวซอโมเดล แม้จะผ่านมาหลายรัฐบาลแต่ยังไม่คืบหน้า แต่ตนได้มีการเชิญผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มาพูดคุย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ทหารใน จ.ลพบุรี ที่ทหารจะคืนพื้นที่มาใช้ทำระบบชลประทานให้กับประชาชนด้วยเหมือนกัน ยืนยัน เรื่องกองทัพมีความคืบหน้าเรื่องคืนพื้นที่ต่างๆ ให้ประชาชนมีพื้นที่ทำกินมากขึ้น 

สำหรับเรื่องของเงินทอนจากการจัดหายุทโธปกรณ์ เศรษฐา กล่าวว่า ก็ขอให้มีหลักฐานมาพูดคุยกัน อย่างเรื่องเรือฟริเกตที่ฝ่ายค้านเชียร์ให้ซื้อ หากตนพูดกลับไปว่า ท่านก็คงมีเงินทอน ท่านก็คงไม่พอใจเหมือนกัน และเรื่องของเรือฟริเกตนั้นที่สนับสนุนให้มีการต่อเรือในประเทศไทยเป็นหลักการที่ถูกต้อง แต่มันยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายมิติที่ต้องพูดคุยกันอยู่ เพื่อให้ทางกองทัพได้ของที่ดีที่สุด และตนฟังการอภิปรายเรื่องนี้มา 40 นาทีแล้ว ก็ยังเป็นฝ่ายค้านที่งงอยู่ เพราะก่อนหน้านี้เคยบอกว่า ให้เอาเรือประมงมาแทนเรือรบ แต่วันนี้กลับสนับสนุนให้ซื้อเรือรบอีก 

“ไม่เป็นไรเรื่องวาทกรรม เรามาคุยเรื่องเนื้องานดีกว่า รัฐบาลพยายามที่จะพัฒนากองทัพต่อไปในเรื่องของการซื้ออาวุธให้โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์กับภาคธุรกิจอื่นๆ ยืนยันอีกครั้งว่า กองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคง ไม่ได้มีไว้เพื่อความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง” เศรษฐา กล่าว