ไม่พบผลการค้นหา
ผลกระทบจาก 9/11 ยังรุนแรงต่อเนื่อง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วร่วม 17 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจเอฟบีไอและพนักงานดับเพลิงที่ทำงานในวันเกิดเหตุทยอยป่วยด้วยโรคมะเร็งและเสียชีวิตไปแล้ว 15 คน ในขณะที่อีกด้านครอบครัวเหยื่อในเหตุการณ์ไม่พอใจหนักเพราะการดำเนินคดีผู้ต้องสงสัย 5 คนยังไม่ได้เริ่มต้น

ในขณะที่สหรัฐฯ จัดงานรำลึกถึงความสูญเสียจากเหตุการณ์ความรุนแรงคือการโจมตีอาคารเวิร์ดเทรดและอาคารกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เมื่อ 11 ก.ย. 2544 หรือที่เรียกกันว่าเหตุการณ์ 9/11 หรือ 911 ซึ่งทำให้มีคนตายเกือบ 3,000 คน บาดเจ็บอีกกว่า 6,000 คนในเวลานั้น อีกด้านสื่อรายงานว่า คนอีกจำนวนหนึ่งยังคงเผชิญผลกระทบที่รุนแรงเพราะการได้รับสารเคมีจากการที่เข้าไปทำงานช่วยเหลือผู้คนเพราะอาคารถล่มหนนั้น

เอ็นบีซีนิวส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่เอฟบีไอและพนักงานดับเพลิงที่เข้าไปช่วยเหลือเหยื่อความรุนแรงจำนวนไม่น้อยมีอาการป่วยด้วยมะเร็งไม่กี่ปีหลังจากที่เกิดเหตุ รายงานระบุว่ามีผู้ที่เป็นมะเร็งและเสียชีวิตไปแล้วรวม 15 ราย ในจำนวนนี้ 3 รายเพิ่งจะเสียชีวิตในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานี้เอง ผู้เกี่ยวข้องไม่่ว่าผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เชื่อว่า สาเหตุสำคัญมาจากการที่คนเหล่านั้นต้องสูดรับสารเคมีไม่ว่าฝุ่น ควัน เถ้าถ่านจากการที่อาคารถล่มเข้าไปเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ที่รีบเร่งเข้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในวันนั้นหลายคนไม่มีเวลาที่จะหาอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง แม้กระทั่งผู้ที่ใส่หน้ากากก็ยังเจ็บป่วยเช่นกัน 

ดอว์เนล โฮลบรูค ซึ่งทำงานท่ามกลางซากปรักหักพังของอาคารของกระทรวงกลาโหมอันเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ถูกโจมตีด้วยในเวลานั้นเล่าว่า ปกติเธอเป็นคนที่แข็งแรงมาก และวิ่งออกกำลังกายทุกวันรวมทั้งวิ่งมาราธอนด้วย แต่ในราวสิบปีหลังเหตุการณ์นั้นเธอไม่สบายอย่างหนักและแพทย์ระบุว่าเธอป่วยเป็นมะเร็ง อีกราย สกอตต์ แมคโดนอตต์ ซึ่งเป็นนักบินนำเฮลิคอปเตอร์บินเวียนเหนือซากอาคารในพื้นที่เกิดเหตุก็ต้องเข้ารับการรักษาตัวเพราะอาการมะเร็งเช่นกัน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า กรณีการเจ็บป่วยเพราะมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างแน่นอน

อีกด้านหนึ่งสำนักข่าววีโอเอรายงานว่า ความคืบหน้าในการดำเนินคดีผู้ที่ถูกจับกุมเพราะต้องสงสัยว่ามีส่วนในการทำให้เกิดเหตุการณ์ 9/11 นั้นมีความคืบหน้าน้อยมาก ผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 คนที่ทางการสหรัฐฯ จับกุมและคุมขังไว้ในคุกลับในประเทศไทยและโปแลนด์ แล้วย้ายไปอยู่ยังเรือนจำกวนตานาโม ในคิวบานั้น ยังคงอยู่ที่เดิมต่อไปและการดำเนินคดีพวกเขายังไม่เริ่มแม้ว่าคนเหล่านั้นจะถูกจับกุมคุมขังผ่านมาได้ร่วม 15 ปีแล้วก็ตาม

รายงานระบุว่า กระบวนการดำเนินคดีผู้ต้องสงสัยห้าคนมีอุปสรรคมากมาย มีทั้งที่ต้องโยกย้ายสถานที่เพราะเกรงปัญหาความปลอดภัย แต่ปัญหาสำคัญคือต้องพิจารณาหลายหนว่า หลักฐานคำให้การที่ได้สามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ เพราะมีประเด็นเรื่องของการได้มา ซึ่งคำหลักฐานคำให้การ ว่าเป็นสิ่งที่ได้มาด้วยกระบวนการวิธีสอบสวนแบบพิเศษ ซึ่งอาจหมายรวมไปถึงการซ้อมทรมานแบบต่างๆ ด้วย ทั้งนี้จากการที่ทีมทนายความยื่นคำร้องนับร้อย ให้มีการไต่สวนว่ามีการควบคุมตัวและปฏิบัติต่อบุคคลทั้งห้าอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ล่าสุดผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่ในคดีนี้ได้เกษียณไปและมีผู้พิพากษาใหม่มาแทน ซึ่งน่าจะต้องใช้เวลาอย่างมากในอันที่จะผ่านเอกสารร่วมสองหมื่นหน้าบวกกับหลักฐานอื่นๆอีกมากมายหลายอย่าง ทำให้เจ้าหน้าที่คาดว่าการดำเนินคดีน่าจะเริ่มได้หลังปี 2563 สื่อรายงานว่าความล่าช้าของการดำเนินคดีทำให้ผู้เกี่ยวข้องอึดอัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาญาติของเหยื่อความรุนแรงที่ให้สัมภาษณ์ว่าต้องการเห็นการดำเนินคดีโดยไวและว่าพวกเขาต้องการความยุติธรรม

สำหรับบุคคลทั้งห้าที่ถูกกล่าวหาประกอบด้วยคาลิด ชีค โมฮัมเหม็ดชาวปากีสถานซึ่งอ้างว่าตัวเขาเองอยู่เบื้องหลังการโจมตี 9/11 เขาถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้เสนอต่อโอซามา บิน ลาเดนซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ให้มีการก่อเหตุดังกล่าว วาลิด บิน อุสตาซ ชาวเยเมนที่เชื่อว่าเป็นผู้ดูแลค่ายของอัลกออิดะห์ในอัฟกานิสถาน ที่ซึ่งมีการอบรมผู้ก่อเหตุโจมตีอาคารเวิร์ดเทรด รัมซี บิน อัลชิบ ชาวเยเมนอีกคนที่ถูกกล่าวหาว่า ช่วยหาสถานที่ให้ผู้ก่อเหตุได้เข้าสู่สหรัฐฯ และได้เรียนการบิน อัมมาร์ อัล บาลูชี ชาวคูเวต ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ดำเนินการโอนเงินที่ใช้ในการเตรียมการ และมุสตาฟา อาหมัด อัล ฮอซาวี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าส่งสิ่งของหลายอย่างให้ผู้ร่วมก่อเหตุ ทั้งหมดถูกจับในช่วงปี 2545-2546 ในปากีสถาน