ไม่พบผลการค้นหา
โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติจีนติดอยู่ภายในสถานีรถไฟใต้ดินใจกลางกรุงปักกิ่ง แจ้งเตือนให้ประชาชนหยุดพฤติกรรมและการกระทำเข้าข่าย 'สอดแนม' ให้กับรัฐบาลต่างชาติ ขณะที่หน่วยงานความมั่นคงของจีนจับตาชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในจีนมากขึ้น

โปสเตอร์ดังกล่าวเป็นรูปภาพผู้ชายและผู้หญิง พร้อมทั้งข้อความระบุว่า "คุณยังกลับตัวกลับใจได้...ถ้าคุณสารภาพ คุณจะไม่ถูกปรับจากผิดพลาดของคุณ ครอบครัวของคุณจะไม่ละทิ้งคุณ ประเทศของคุณจะช่วยเหลือและอยู่ข้างคุณเสมอ" ทั้งยังระบุถึงเบอร์ติดต่อสายด่วนโดยตรงกับหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ '12339' หากประชาชนตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย

ที่ผ่านมา หน่วยงานความมั่นคงของจีนมีความกังวลว่าประชาชนจะตกเป็นเหยื่อหรือถูกชักจูงเป็นสายลับให้กับต่างชาติ โดยเฉพาะประชาชนที่มีความสนิทสนมกับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานอยู่ในจีน ทั้งในฐานะที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ NGO นักธุรกิจ แม้กระทั่งนักท่องเที่ยว 

เมื่อปี 2016 รัฐบาลจีนออกแคมเปญเตือนเกี่ยวกับ 'ความรักที่อันตราย' ซึ่งนำเสนอเป็นรูปภาพการ์ตูนเพื่อเตือนให้ผู้หญิงจีนระวังถูกหลอกให้รักกับชาวต่างชาติ และถูกหลอกให้บอกความลับของทางการจีนให้แก่สายลับชาวต่างชาติซึ่งอาจมาในรูปแบบของคนรัก

นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการของจีนได้มีการบรรจุหลักสูตรขั้นพื้นฐานในการปกป้องประเทศลงในชั้นเรียนของโรงเรียนต่างๆ อีกด้วย ทั้งยังมีการนำเสนอรูปแบบการป้องกันการตกเป็นเหยื่อของประชาชนด้วยวิธีการต่างๆ รวมถึงการสอนให้ประชาชนรายงานข้อมูลต่างๆ ให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ได้รับทราบและมีรางวัลจูงใจสำหรับประชาชนที่แจ้งเบาะแสสายลับหรือการจารกรรมข้อมูลของทางการจีนอีกด้วย

ซาแมนธา ฮอฟแมน นักวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของจีนกล่าวว่า แคมเปญดังกล่าวมีแนวคิดเรื่อง "ทุกคนต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ" ด้านการรักษาความมั่นคงของจีน รวมถึงป้องกันและลงโทษในพฤติกรรมที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐ

หวังฮงเว่ย รองศาสตราจารย์วิทยาลัยการบริหารและนโยบายสาธารณะของมหาวิทยาลัยเหรินหมินในกรุงปักกิ่งของจีน กล่าวว่า "จีนได้ให้ความสำคัญกับการต่อต้านการจารกรรมข้อมูลอย่างต่อเนื่องเสมอ แต่มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อชาวต่างชาติที่อยู่ในจีน และจีนไม่ได้เป็นประเทศเดียวที่ทำงานเพื่อต่อต้านการจารกรรม" 

สื่อของจีนรายงานว่า เมื่อปี 2016 จีนมีสายลับของชาวต่างชาติอยู่ในประเทศประมาณ 115,675 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน ญี่ปุ่น และอเมริกัน ที่เข้ามาอยู่ในจีน

ที่มา theguardian / nytimes