ที่การประชุมระหว่างจีนและแอฟริกา ที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีว่าจีนจะลงทุนและมอบเงินช่วยเหลือให้กับประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกาอีก 60,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท แม้ว่าจีนกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากำลังล่อลวงให้ประเทศกำลังพัฒนาหลายๆประเทศติดกับดักเป็นหนี้กับจีน จนท้ายที่สุดก็ต้องขายกิจการต่างๆที่กู้ยืมเงินมาจากจีนให้จีนเข้ามาควบคุม อย่างไรก็ตาม ผู้นำจีนย้ำว่าการที่จีนเข้าไปช่วยเหลือแอฟริกาเป็นเงินจำนวนมหาศาล ไม่มีข้อผูกมัดอะไรทั้งสิ้น

นายสีจิ้นผิงบอกว่าเงินจำนวน 60,000 ล้านดอลลาร์ที่มอบให้กับทวีปแอฟริกาจะถูกนำไปใช้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อก่อสร้างถนน ท่าเรือ เพื่อเชื่อมประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกาเข้ากับโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ One Belt One Road รวมทั้งมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนแอฟริกาได้เข้ามาเรียนที่จีนด้วย ซึ่งเมื่อปี 2015 จีนก็เคยมอบเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับทวีปแอฟริกามาครั้งหนึ่งแล้วเพื่อลงทุนในโครงการนี้ โดยสีจิ้นผิงกล่าวกับผู้นำและนักธุรกิจจากหลายประเทศในแอฟริกาที่เข้าร่วมการประชุมว่า การมอบเงินช่วยเหลือของจีนไม่มีข้อผูกมัดด้านการเมืองใดๆทั้งสิ้น และเงินจำนวนนี้จะไม่ถูกนำไปใช้ในโครงการพัฒนาที่ไร้สาระ แต่จะต้องนำไปใช้พัฒนาในส่วนที่มีความสำคัญจริงๆเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม สีจิ้นผิงกล่าวว่า การลงทุนก็ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า และต้องเตรียมความพร้อมที่จะลดความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างยั่งยืน

นักวิเคราะห์การเมืองจากประเทศตะวันตกมองว่าโครงการเส้นทางสายไหมใหม่และการมอบเงินช่วยเหลือจำนวนมหาศาลของจีนให้กับประเทศยากจนต่างๆทั้งในเอเชียและแอฟริกา อาจจะเป็นการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างของศรีลังกาที่เป็นเหยื่อกับดักหนี้ของจีน ที่ทำให้ศรีลังกาเป็นหนี้จีนมหาศาล จนต้องยอมขายหุ้นท่าเรือ 80% ให้กับบริษัทของจีนเมื่อปี 2016 

ขณะเดียวกัน จิบูตี ประเทศที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ระหว่างแอฟริกาและบริเวณคลองสุเอซและทะเลแดง ได้กลายมาเป็นสถานที่ตั้งฐานทัพจีนในต่างประเทศแห่งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2017 หลังจากที่จิบูตีติดหนี้จีนจำนวนมหาศาลจากโครงการสร้างท่าเรือ และทางรถไฟ เพื่อเชื่อมต่อกับกรุงแอดดิส อบาบา เมืองหลวงของเอธิโอเปีย

ภาพ: AFP